คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เขียนพินัยกรรมเองทั้งฉบับ ลงวันเดือนปีและลงลายมือชื่อแล้วแต่ให้พยานลงชื่อลับหลังผู้ทำพินัยกรรม พินัยกรรมยังคงสมบูรณ์ตาม มาตรา 1657

ย่อยาว

คดีได้ความว่า นายเคลื่อนเดิมชื่อเนียม มีภรรยาชื่อเรียง (บุตรจำเลย) มีบุตรด้วยกัน 4 คน ต่อมานางเรียงตาย นายเคลื่อนได้โจทก์นี้ ซึ่งเป็นอานางเรียงเป็นภรรยาใหม่ แต่มิได้จดทะเบียนสมรสกัน ก่อนนายเคลื่อนตายได้ทำพินัยกรรมยกที่บ้าน 1 แปลงให้โจทก์ส่วนเรือน 1 หลังในที่แปลงนี้ให้โจทก์ 1 ห้อง อีก 1 หลังให้จำเลยอาศัยอยู่ก่อน จำเลยขัดขวางการรับมรดก โจทก์จึงฟ้องขอรับผลตามพินัยกรรม ส่วนจำเลยต่อสู้ว่าทั้งที่บ้านและเรือนเป็นของจำเลยและว่าพินัยกรรมนายเคลื่อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ศาลชั้นต้นเห็นว่าพินัยกรรมสมบูรณ์ แต่ทรัพย์ที่พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างนายเคลื่อนกับนางเรียง พินัยกรรมจึงมีผลผูกพันเพียงส่วนของนายเคลื่อน พิพากษาให้แบ่งทรัพย์ที่พิพาทเป็น 18 ส่วน12 ส่วนเป็นของนายเคลื่อน อีก 6 ส่วนเป็นของนางเรียงตกได้แก่นายเคลื่อน นายวอนจำเลย กับบุตรนางเรียง 4 คน ดังนั้นโจทก์ผู้รับพินัยกรรมนายเคลื่อน จึงได้ 13 ส่วน

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกสินสมรสส่วนของนายเคลื่อน 2 ใน 3 ส่วน ๆ อีก 1 ใน 3 เป็นของนางเรียงตกได้แก่ทายาทของนางเรียงซึ่งรวมทั้งนายเคลื่อนด้วย แต่ในคดีนี้ไม่สะดวก และสมควรจะวินิจฉัยถึงการแบ่งส่วนมรดกของนางเรียง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ทรัพย์ที่พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างนายเคลื่อนกับนางเรียง ไม่ใช่ของจำเลย พินัยกรรมนายเคลื่อนที่ว่าขาดพยาน และพยานลงชื่อลับหลังผู้ทำพินัยกรรมไม่สมบูรณ์ตามมาตรา 1656 นั้น เห็นว่านายเคลื่อนเขียนพินัยกรรมเองทั้งฉบับลงวันเดือนปีและลงลายมือชื่อของตนสมบูรณ์แบบตามมาตรา 1657 แล้วไม่เป็นโมฆะ

พิพากษายืน

Share