แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การมีไว้ในครอบครองซึ่งขาเลียงผาซึ่งเป็นซากสัตว์ป่าสงวนเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ. 2503 มาตรา 14 และมาตรา 38 ส่วนการมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งซากสัตว์อื่นซึ่งเป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นความผิดตามมาตรา 16 และมาตรา 40 แยกไว้คนละมาตราเป็นคนละฐานความผิดแสดงว่าเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการแยกเป็นคนละความผิดต่างกระทงกันจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 การค้าลิ่น ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองกับการมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งงูเหลือมซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นความผิดตามมาตรา 15 และ มาตรา 40 บทมาตราเดียวกัน แสดงว่ากฎหมายต้องการให้เป็นความผิดในลักษณะเดียวกัน เป็นวัตถุประเภทเดียวกัน ทั้งจำเลยกระทำผิดดังกล่าวในคราวเดียวกันจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ ก.จำเลยได้มีไว้ในครอบครองซึ่งขาเลียงผาจำนวน 15 ขา อันเป็นซากของเลียงผาซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนตามบัญชีสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 8 ข.จำเลยได้ค้าลิ่น ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 จำนวน 1 ตัว ค.จำเลยได้มีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งงูเหลือมซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 2 จำนวน42 ตัว และ ง.จำเลยได้มีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งซากลิ่นสดแช่แข็งจำนวน 37 ตัว หนังลิ่น สด จำนวน 26 ผืน หนังลิ่นหมักเกลือจำนวน 41 ผืน หนังลิ่นหมักเลือด จำนวน 289 ผืน กระดองเต่าจักร5 ชิ้น กระดองเต่าหก 1 ชิ้น และกระดอง เต่าเหลือง 5 ชิ้น ซึ่งเป็นซากของสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 และหนังงูเหลือมจำนวน 144 ผืนหนังงูเหลือมสด จำนวน 3 ผืน ดีงูเหลือม จำนวน 28 อัน และหนังงูหลามปากเบ็ด จำนวน 2 ผืน ซึ่งเป็นซากของสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 2ทั้งนี้โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503มาตรา 3, 4, 6, 14, 15, 16, 38, 40, 47 ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 228 ลงวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2515 ข้อ 1, 5, 6, 7, 11,13, 19 กฎกระทรวงฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2525) ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 ข้อ 2, 3, 4กฎกระทรวงฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2528) ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 ข้อ 1, 2, 3, 4 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 และริบของกลาง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 มาตรา 3, 4, 6, 14, 15, 16,38, 40, 47 ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 228 ลงวันที่ 18ตุลาคม พ.ศ. 2515 ข้อ 1, 5, 6, 7, 11, 13, 19 กฎกระทรวงฉบับที่ 14(พ.ศ. 2525) ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ. 2503 ข้อ 2, 3, 4 กฎกระทรวงฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2528)ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503ข้อ 1, 2, 3, 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีซากสัตว์ป่าสงวนไว้ในครอบครองจำคุก 1 ปี ฐานค้าสัตว์ป่าคุ้มครองจำคุก 6เดือน ฐานมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองจำคุก 6 เดือนฐานมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองจำคุก 6 เดือนรวมจำคุก 30 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 15 เดือน ริบของกลางจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า ความผิดฐานมีซากสัตว์ป่าสงวนไว้ในครอบครอง ตามฟ้องข้อ ก. กับฐานมีไว้ในครอบครองและค้าซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามฟ้องข้อ ง. เป็นความผิดกระทงเดียวกัน และความผิดฐานค้าสัตว์ป่าคุ้มครองตามฟ้องข้อ ข. กับฐานมีไว้ในครอบครองและค้าสัตว์ป่าคุ้มครองตามฟ้องข้อ ค. ก็เป็นความผิดกระทงเดียวกัน ต้องลงโทษบทหนักในแต่ละกระทงเพียง 2 กระทง เห็นว่า การมีไว้ในครอบครองซึ่งขาเลียงผาซึ่งเป็นซากสัตว์ป่าสงวนตามฟ้อง ข้อ ก. เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 มาตรา 14 และมาตรา 38ส่วนการมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งซากสัตว์อื่นซึ่งเป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามฟ้องข้อ ง. เป็นความผิดตามมาตรา 16 และมาตรา 40แยกไว้คนละมาตราเป็นคนละฐานความผิด แสดงว่าเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการแยกเป็นคนละความผิดต่างกระทงกัน การกระทำความผิดดังกล่าวจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดตามฟ้องข้อ ก.และข้อ ง. เป็น 2 กระทงจึงชอบแล้ว ส่วนการค้าลิ่นซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามฟ้องข้อ ข. กับการมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งงูเหลือมซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามฟ้อง ข้อ ค. เป็นความผิดตามมาตรา 15และมาตรา 40 บทมาตราเดียวกัน แสดงว่ากฎหมายต้องการให้เป็นความผิดในลักษณะเดียวกันเป็นวัตถุประเภทเดียวกัน ทั้งจำเลยกระทำผิดดังกล่าวในคราวเดียวกันการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวเป็น 2 กระทง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง กับฐานมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นความผิดกรรมเดียวให้จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน รวมเป็นจำคุก 12 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3