คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นที่ดินมรดกของ ส. โจทก์เป็นทายาทที่มีสิทธิรับมรดกของ ส. จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยทางมรดก แม้โจทก์ยังมิได้เปลี่ยนชื่อในโฉนดที่ดินมาเป็นของโจทก์แต่โจทก์ในฐานะเจ้าของสามยทรัพย์ก็ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยที่เป็นเจ้าของภารยทรัพย์ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1387.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 4524 และที่ดินบางส่วนของโฉนดเลขที่ 4525 โดยโจทก์มีสิทธิได้รับมรดกแทนที่ มารดา ของโจทก์ด้านทิศใต้ของที่ดินทั้งสองแปลงเป็นที่ดินของจำเลยนางลำใยและนายลือ ระหว่างที่ดินทั้งสามแปลงเป็นทางซึ่งชาวบ้านบริเวณนั้นและโจทก์ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ติดต่อกันมาตั้งแต่ครั้งปู ย่า ตา ยายา จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 50-60 ปี มีความยาวประมาณ 100 เมตร กว้างประมาณ2 เมตรเศษ ต่อมาเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2509 โจทก์ได้บูรณะซ่อมแซมทางดังกล่าวตลอดเส้นทางเพื่อสะดวกแก่การใช้จนกระทั่งในปัจจุบันก็ยังคงบูรณะซ่อมแซมเป็นประจำ โจทก์มีอาชีพเลี้ยงสุกร ได้ใช้ทางดังกล่าวเพื่อขนส่งสุกรและอาหารสุกรด้วยรถยนต์บรรทุกสิบล้อหกล้อตลอดมาถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกินกว่า ปี โดยไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้าน ทางดังกล่าวจึงตกเป็นทางภาระจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 เมื่อประมาณต้นเดือนตุลาคม 2525 จำเลยได้ปลูกคอกสุกรและปักเสาไม้แก่น หลังคาคอกสุกรบางส่วน และเสาไม้แก่นรุกล้ำทางดังกล่าวทำให้ไม่สะดวกในการใช้ตามปกติ เป็นการกระทำอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก โจทก์เคยห้ามปรามให้จำเลยรื้อถอนเสาไม้แก่น ที่นำมาปักออกเสียแต่จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้มีคำสั่งให้ทางดังกล่าวยาวประมาณ 100 เมตร กว้างประมาณ 2.80 เมตร เป็นทางภาระจำยอมโดยอายุความ และให้จำเลยรื้อถอนเสาไม้แก่นที่นำมาปัก3 ต้นออกไป
จำเลยให้การว่า ไม่มีทางภาระจำยอมในที่ดินจำเลยทางที่มีอยู่ชาวบ้านรวมทั้งโจทก์เพียงแต่ได้อาศัยเดินผ่านเข้าออกสู่ทางสาธารณะมาไม่ถึง 10 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2522 โจทก์ถือวิสาสะนำดินลูกรังมาถมขยายจากทางเดินเท้าเพื่อให้เป็นทางรถยนต์ จำเลยไม่ยินยอมได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอนครชัยศรี โจทก์ได้ขนดินลูกรังออกไป จำเลยได้ปลูกดอกสุกรมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี หลังคาไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในทาง เมื่อปี พ.ศ. 2518 โจทก์นำรถยนต์บรรทุกสินค้าแล่นเข้ามาขนหลังคาคอกสุกรจำเลยหัก จำเลยไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วนำเสามาปักเพื่อกันมิให้รถยนต์ชนหลังคาคอกสุกรโจทก์เป็นเพียงผู้ครอบครองมิใช่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์มิใช่เจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 4524 และเลขที่ 4525 หากแต่ที่ดินดังกล่าวมีชื่อนางลำใย ชาญปรีชา ยาย ของโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ประเด็นอื่นไม่จำต้องวินิจฉัยพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ทางพิพาทเป็นภาระจำยอมโดยทางอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 ให้จำเลยรื้อถอนเสาไม้และเสาปูนรวม 3 ต้น ที่นำมาปิดออกไปภายในกำหนด15 วัน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นที่ดินมรดกของนางลำใย ดังนั้นโจทก์ซึ่งเป็นหลานของนางลำใยจึงเป็นทายาทมีสิทธิรับมรดกของนางลำใย โจทก์จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยทางมรดก แม้โจทก์ยังมิได้เปลี่ยนชื่อในโฉนดที่ดินดังกล่าวมาเป็นของโจทก์ แต่โจทก์ในฐานะเจ้าของสามยทรัพย์ก็ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยที่เป็น เจ้าของภารยทรัพย์ให้เปิดทางภาระจำยอมได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1387
พิพากษายืน.

Share