คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หลักกฎหมายในการที่จะฟ้องขอให้ลูกหนี้ล้มละลายได้ จะต้องประกอบพร้อมทั้ง 3 ประการตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ล้มละลาย ม.9 มิใช่เพียงข้อใดข้อหนึ่งเพียงข้อเดียวเท่านั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามข้อสันนิษฐานในม.8 โดยโจทก์ได้ทวงถามหลายครั้ง จำเลยก็ไม่ชำระหนี้แต่จำเลยนำสืบได้ว่าจำเลยไม่ได้เป็นหนี้ใครและจำเลยมีทรัพย์สมบัติมาก เช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว จะฟ้องให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์รวม ๓๐,๑๑๐.๗๕ บาท โจทก์เรียกร้องหลายครั้ง จำเลยก็ไม่ชำระ และจำเลยได้ปิดร้านค้า ไม่กระทำกิจการค้าต่อไป โจกท์ถือว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย จึงขอให้สั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยปฏิเสธและว่าฟ้องขาดอายุความเพราะหนี้เกิดจากซื้อขายต้องฟ้องภายใน ๒ ปี
ศาลชั้นต้นยังไม่ถือว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว พิพากษายกฟ้อง ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าหลักกฎหมายในการที่จะฟ้องขอให้ลูกหนี้ล้มละลายได้ จะต้องประกอบพร้อมทั้ง ๓ ประการตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ล้มละลาย ม.+ เรื่องนี้โจทก์นำสืบได้ความเพียงว่า ที่ร้านจำเลยไม่มีป้ายและไม่มีสินค้าอยู่ พยานโจทก์ข้อนี้มีปากเดียวและเคยไปที่ร้านจำเลยครั้งเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ จำเลยยังนำสืบได้ความว่า จำเลยไม่ได้เป็นลูกหนี้ผู้ใดเลย จำเลยได้ใช้ตึกแถวซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งร้านตังซูโตเปิดเป็นร้านตัดผมและตัดเสื้อ ใช้ชื่อใหม่ว่าร้านไตรกิจประสงค์ เครื่องตัดผมและตัดเสื้อในร้านราคาราวหนึ่งหมื่นบาท ตึก ๒ ห้องที่เป็นร้านจำเลยนี้จำเลยเช่าจากวัดโสมนัสโดยเสียค่าแป๊ะเจี๊ยะให้แก่วัดห้องละ ๓๐,๐๐๐ บาท สองห้องเป็น ๖๐,๐๐๐ บาท ถ้าจะให้ผู้อื่นเช่าต่อ จำเลยจะได้เงินแป๊ะเจี๊ยะห้องละ ๕๐,๐๐๐ บาท จำเลยไม่ได้เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวเมื่อไม่ฟังว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวก็ไม่มีทางที่จะพิพากษาให้จำเลยเป็นผู้ล้มละลายได้ตามหลักกฎหมายดังกล่าว คดีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยข้ออื่นอีก พิพากษายืน

Share