คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องว่าความจริงของเรื่องมีอย่างไร โจทก์จะมากล่าวเสนอความจริงในชั้นฎีกาว่าความจริงของเรื่องที่โจทก์ฟ้องเป็นอย่างไรนั้น ศาลรับฟังไม่ได้.
แม้ศาลจะได้ประทับฟ้องของโจทก์และเรียกจำเลยแก้คดีแล้วก็ตามเมื่อความจริงในที่สุดปรากฏว่าฟ้องขาดองค์ความผิด ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้./

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ฐานแจ้งความเท็จและกระทำพะยานเท็จ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องของโจทก์ไม่ครบองค์ความผิด ให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อหาตามมาตรา ๑๑๘ โจทก์ขาดการบรรยายในฟ้องว่า ข้อความอย่างใดที่โจทก์ถือเป็นความจริง ส่วนข้อหาตามมาตรา ๑๕๗ โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องว่าจำเลยทำบันทึกการรับเจ้งความนั้นไว้ อันอาจใช้เป็นสักขีพะยานในข้อสำคัญแห่งการพิจารณาคดีอันใด และจำเลยได้นำบันทึกมาอ้างในคดีที่พิจารณาคดีใด ฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาโจทก์เพิ่งมาเสนอข้อเท็จจริงในชั้นฎีกานี้ว่าความจริงของเรื่องที่โจทก์ฟ้องนี้เป็นอย่างไร ฉะนั้นจะรับฟังไม่ได้ ส่วนฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า ฟ้องของโจทก์พอเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วนั้น ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ละเอียดแล้ว ส่วนฎีกาข้อที่ ๓ ที่ว่า ศาลล่างประทับฟ้องของโจทก์ เรียกจำเลยมาแก้คดีแล้ว ต้องถือว่าฟ้องถูกต้องสมบูรณ์ตามกฎหมาย จะกลับว่าบรรยายไม่ครบองค์ความผิดและไม่สมบูรณ์ไม่ได้นั้น ต้องเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อฟ้องขาดองค์ความผิด ก็จะลงโทษจำเลยไม่ได้
พิพากษายืน.

Share