คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คู่ความตกลงให้ถือผู้เขียนสัญญาเป็นพะยานร่วม และให้ถือคำเบิกความเป็นการชี้ขาดข้อแพ้ชะนะ ดังนี้เป็นการตกลงที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ไม่ต้องวินิจฉัยถึงว่าทำสัญญาอย่างไร เป็นสัญญาที่ใช้ได้ตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเป็นการนอกคำท้าของคู่ความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินโจทก์และสามีไป ๔๔๐ บาท จำเลยปฏิเสธว่าไม่เคยทำสัญญากู้เงินโจทก์ แต่เคยกู้เงินนางชาคู่ความต่างไม่สืบพะยานโดยตกลงให้ศาลสืบผู้เขียนสัญญาผู้เดียว ถ้าได้ความว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ จำเลยยอมแพ้ แต่ถ้าได้ความว่าจำเลยไม่ได้กู้โจทก์ โจทก์ยอมแพ้ พะยาเบิกความว่าได้เขียนสัญญาจริงเป็นจำเลยกู้โจทก์ โดยนางชายผู้ที่ให้จำเลยกู้ได้กู้เงินโจทก์ด้วย จึงเป็นการหักกัน ได้จับนิ้วจำเลยพิมพ์ลายมือในสัญญาขณะจำเลยเมาและหลับตาอยู่ ศาลชั้นตั้นพิพากษาว่าการที่มีลายพิมพ์นิ้วมือจำเลยในสัญญากู้โดยผู้อื่นกระทำ จำเลยหาได้กระทำไม่ ถือได้ว่าจำเลยไม่ได้ทำสัญญานี้ ไม่ต้องรับผิด จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าต้องวินิจฉัยคดีนี้ตามข้อตกลงที่คู่ความท้ากันพะยานผู้เขียนสัญญาเบิกความสมฝ่ายโจทก์ต้องให้โจทก์ชะนะ จึงพิพากษากลับศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้เงินโจทก์ตามฟ้อง แต่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์มีความเห็นแย้งว่า คดีไม่ได้ความว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์ ขณะทำสัญญาจำเลยเมาสุราได้จับมือจำเลยพิมพ์ขณะหลับตา และในเรื่องกู้ยืมเงินเช่นนี้จะสืบพะยานบุคคลแทนพะยานเอกสารไม่ได้ ควรฟังว่าจำเลยไม่ได้ทำสัญญากู้ให้โจทก์
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้คู่ความได้ตกลงกันให้ถือผู้เขียนสัญญาเป็นผู้ชี้ขาดถ้าเบิกความว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์จำเลยก็แพ้ ถ้าว่าจำเลยกู้นางชา โจทก์ก็แพ้ การตกลงเช่นนี้บริบูรณ์ตามกฎหมายตามคำเบิกความของผู้เขียนสัญญาก็ได้ความว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ เป็นอันว่าจำเลยได้ทำสัญญารายที่กู้นี้ให้โจทก์ไว้จริง ส่วนจะทำอย่างใด ใช้ได้ตามกฎหมายหรือไม่ คำท้าไม่มีกล่าวถึง จึงไม่จำต้องยกขึ้นวินิจฉัยต้องถือว่าจำเลยแพ้ตามคำท้า จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share