แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
ธ.ร.ช. มีชื่อในโฉนดเปนเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินแห่งหนึ่ง ธ.แพ้ความเรื่องณี่สิน โจทย์นำยึดที่รายนี้ ศาลสั่งให้ขายทอดตลาดเอาเงินส่วนของ ข.ใช้หนี้โจทย์
กองหมายขายได้เงิน ๒๗๖๐๐๐ บาท คงเปนส่วนแบ่งของ ธ. ๙๒๐๐๐ บาท มีปัญหาว่าค่าธรรมเนียมขายทรัพย์รายนี้ ๑๐๐ ละ ๕ ฤา ร้อยละ ๓ จะคิดค่าธรรมเนียมในจำนวนเงินราคาทรัพย์ที่ขายได้ แล้วหักจากเงินส่วนแบ่งที่ ธ.จะได้รับไป ฤาจะคิดในจำนวนส่วนแบ่งของ ธ.เท่านั้น
ศาลแพ่งเห็นพ้องด้วยในการที่กองหมายคิดถือค่าขาย ๑๐๐ ละ ๕ ในจำนวน ๒๗๖๐๐๐ บาท ตามราคาที่ขายได้ คือ ๑๓๘๐๐ บาท ให้หักจำนวนนี้จากส่วนที่ ธ.จะได้รับไป
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ให้คิด ๑๐๐ ละ ๕ เฉเพาะในจำนวนที่ ธ.จะได้รับส่วนแบ่ง (คือ ๙๒๐๐๐ บาทให้กองหมายเรียกได้เพียง ๔๖๐๐ บาท)
เจ้ากรมกองหมายฎีกา ฯ
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ดินแลตึกในคดีเรื่องนี้ แม้ความจริงจะมีผู้อื่นถือกรรมสิทธิ์ร่วมอยู่ด้วยกับ ธ.จำเลยก็ดี แต่เมื่อศาลสั่งให้กองหมายขายทอดตลาดที่ทั้งหมด มิได้ให้แบ่งแยกเช่นนี้ คิดค่าขายกองหมายก็ต้องคิดในจำนวนเงิน ซึ่งกองหมายขายที่ได้ทั้งหมด คือ ๒๔๖๐๐๐ บาท หักเงินค่าขายทอดตลาด ๑๓๘๐๐ บาท เปนค่าธรรมเนียมของกองหมาย ปัญหาที่ว่า จำเลยฝ่ายเดียวควรเสียค่าธรรมเนียมรายนี้ ฤาเจ้าของที่ดินอีก ๒ คนอันไม่ใช่คู่คีจะควรช่วยเสียด้วยนั้น กรรมการเห็นว่า การที่จะบังคับให้คู่ความฝ่ายใดเสียค่าธรรมเนียมนั้น ย่อมอยู่ในอำนาจศาลซึ่งพิพากษาคดี แลการที่บังคับให้จำเลยผู้เดียวเสียค่าธรรมเนียมนั้น ก็เปนการที่เปนไปตามระเบียบศาลที่เคยปฏิบัติกันมา
ตัดสินยืนตามศาลแพ่ง