แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ร้องโดย ธ.ผู้รับมอบอำนาจและส. ซึ่งผู้ร้องมอบหมายให้ไปให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยไม่ได้ปิดบังเรื่องการจำนองเป็นประกันหนี้ที่ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษา หากผู้ร้องมีเจตนาที่จะปิดบังเพื่อเอาเปรียบเจ้าหนี้อื่น ผู้ร้องคงไม่ระบุหมายเลขคดีของคำพิพากษาในช่องหลักฐานประกอบหนี้ของคำขอรับชำระหนี้ เพราะจะปรากฏรายการจำนองทรัพย์ในคำพิพากษาและ ส. ก็คงจะไม่ให้ถ้อยคำชั้นสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ว่าเป็นหนี้มีที่ดินจำนองเป็นประกันและคงจะไม่อ้างส่งต้นฉบับน.ส.3 ก. และสัญญาจำนองต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ทำการสอบสวนถือว่าผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้ไม่มีประกันเนื่องจากความพลั้งเผลอ สมควรอนุญาตให้ผู้ร้องแก้ไขข้อความในรายการแห่งคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 97
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากผู้ร้องยื่นคำร้องลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2534ขอแก้ไขเพิ่มเติมคำขอรับชำระหนี้จากที่ผู้ร้องยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไว้เดิมเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2534 ซึ่งขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้โดยไม่มีหลักประกันมาเป็นเจ้าหนี้มีที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 630 ถึง 633ตำบลสากเหล็ก อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร เป็นประกันโดยอ้างเหตุว่า คำขอรับชำระหนี้ยังบกพร่องอยู่เพราะเจ้าหน้าที่ของผู้ร้องพิมพ์ข้อความผิดพลาดไปและผู้ร้องเองก็พลั้งเผลอไม่ได้ตรวจสอบดูให้ละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อน
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องรู้อยู่ก่อนยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้วว่าหนี้ที่ขอรับชำระหนี้มีที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 630 ถึง 633 ตำบลสากเหล็กอำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร จำนองเป็นประกัน เพราะผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเคยนำยึดและขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวหลายครั้งแล้วแต่ยังขายไม่ได้ กรณีจึงไม่ใช่เรื่องเจ้าหน้าที่ของผู้ร้องพิมพ์คำขอรับชำระหนี้ผิดพลาดและไม่ได้เกิดจากความพลั้งเผลอของผู้ร้องประการใด ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องว่ามีเหตุที่ศาลจะอนุญาตให้ผู้ร้องแก้ไขข้อความในรายการแห่งคำขอรับชำระหนี้ ฉบับลงวันที่ 11 มกราคม 2534 ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของนายธนูพยานผู้ร้องว่า พยานได้มอบให้นายสุรพลไปให้รายละเอียดเกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และนายสุรพลได้ให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้ดังกล่าว มีที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 630 ถึง 633 ตำบลสากเหล็ก อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตรจำนองเป็นประกันปรากฏตามคำให้การพยานเจ้าหนี้เอกสารหมาย ค.7และยังได้ความจากนางประไพ จิระพรวัชรานนท์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งเบิกความตอบคำถามค้านด้วยว่าในชั้นยื่นคำขอรับชำระหนี้ ผู้ร้องได้แนบสำเนาคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 485/2532ของศาลจังหวัดพิจิตรมาด้วย และในชั้นสอบสวนคำขอรับชำระหนี้นายสุรพลได้อ้างส่งต้นฉบับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)และสัญญาจำนองให้แก่พยาน จะเห็นได้ว่า ผู้ร้องโดยนายธนูผู้รับมอบอำนาจและนายสุรพลซึ่งผู้ร้องมอบหมายให้ไปให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ปิดบังเรื่องการจำนองของหนี้รายนี้แต่ประการใด หากผู้ร้องมีเจตนาที่จะปิดบังเรื่องการจำนองเพื่อเอาเปรียบเจ้าหนี้อื่นแล้ว ผู้ร้องคงจะไม่ระบุหมายเลขคดีมาในช่องหลักฐานประกอบหนี้ของคำขอรับชำระหนี้ฉบับลงวันที่ 11 มกราคม 2534เพราะจะปรากฏรายการจำนองทรัพย์ในคำพิพากษาดังกล่าว และนายสุรพลก็คงจะไม่ให้ถ้อยคำในชั้นสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ว่าเป็นหนี้มีที่ดินจำนองเป็นประกันและคงจะไม่อ้างส่งต้นฉบับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) และสัญญาจำนองต่อนางประไพเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าการที่ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้ ฉบับลงวันที่ 11มกราคม 2534 อย่างเจ้าหนี้ไม่มีประกันก็เนื่องจากความพลั้งเผลอสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องได้แก้ไขข้อความในรายการแห่งคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 97 ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น”
พิพากษากลับเป็นว่า อนุญาตให้ผู้ร้องแก้ไขข้อความในรายการแห่งคำขอรับชำระหนี้ได้ตามคำร้อง ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 97