แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ซึ่งนำเข้าร่วมรับขนส่งกับห้างหุ้นส่วนผู้เอาประกันภัยค้ำจุนกับจำเลยร่วม จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ฐานเป็นนายจ้าง ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 ห้างหุ้นส่วนผู้เอาประกันภัยไม่ได้เข้ามาในคดี แต่จำเลยร่วม ผู้รับประกันภัยถูกหมายเรียกเข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีแล้ว มีผลเสมือนจำเลยร่วมถูกฟ้อง และโจทก์ฟ้องจำเลยร่วมได้โดยตรง ตาม มาตรา 887
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยร่วมทั้งสามร่วมกันใช้เงิน61,480 บาท แต่โจทก์กับดอกเบี้ย จำเลยร่วมรับผิดไม่เกิน 50,000 บาท จำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า รถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 นำเข้าร่วมในกิจการรับขนส่งสินค้ากับห้างหุ้นส่วนจำกัดนครเขลางค์ขนส่ง ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการ และรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าว ห้างหุ้นส่วนจำกัดเขลางค์ขนส่งนำไปทำประกันภัยไว้กับบริษัทจำเลยร่วม เมื่อความวินาศภัยอันเกิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอกในวงเงินที่เอาประกันไม่เกิน 50,000 บาท ดังปรากฏตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย ป.ล.1
ปัญหาว่าจำเลยที่ 1 เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 หรือไม่นั้นข้อนี้ได้ความจากคำเบิกความของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 ได้รับประโยชน์จากการนำรถเข้าไปร่วมกิจการ โดยได้รับเงินปันผลจากส่วนแบ่งเป็นค่าตอบแทน การจ่ายค่าจ้างให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคนขับรถคันดังกล่าว จำเลยที่ 2 ก็ว่าจ่ายจากเงินปันผลของจำเลยที่ 2 ที่ได้รับส่วนแบ่งมา เห็นว่า การที่จำเลยที่ 2 นำรถเข้าไปร่วมกิจการดังกล่าว เป็นการกระทำเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันในกิจการขนส่งสินค้านั่นเอง หาใช่เป็นการนำรถไปให้ผู้อื่นเช่าดังข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 ไม่ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุเพื่อกิจการขนส่งสินค้าดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำการในกิจการของจำเลยที่ 2 และในฐานะลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ด้วย จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425
ส่วนปัญหาว่า จำเลยร่วมจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายด้วยหรือไม่นั้น จำเลยร่วมฎีกาว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดนครเขลางค์ขนส่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัย แต่มิได้ถูกฟ้องหรือถูกเรียกเข้ามาเป็นจำเลยเพื่อร่วมรับผิด จำเลยร่วมจึงไม่อยู่ในฐานะที่จะต้องมารับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ห้างหุ้นส่วนจำกัดนครเขลางค์ขนส่งจะมิได้ถูกฟ้องหรือถูกเรียกให้เข้ามาเป็นจำเลยร่วมก็ตามแต่เห็นว่าการที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดนครเขลางค์ขนส่งยอมรับเอารถคันเกิดเหตุเข้ามาร่วมและอยู่ในการดำเนินกิจการของตนเพื่อแบ่งผลประโยชน์ร่วมกันดังกล่าว ถือได้ว่าขณะเกิดเหตุห้างหุ้นส่วนจำกัดนครเขลางค์ขนส่งมีส่วนร่วมรับผิดในเหตุละเมิดอันเกิดจากรถคันดังกล่าวด้วยการรับประกันภัยของจำเลยร่วมเป็นการประกันภัยประเภทค้ำจุน การที่ศาลหมายเรียกบริษัทจำเลยร่วมเข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดี มีผลเสมือนหนึ่งว่า บริษัทจำเลยร่วมถูกฟ้องให้รับผิดในฐานะผู้รับประกันภัย ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะเรียกร้องขอบังคับเอาค่าสินไหมทดแทนได้โดยตรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 โดยไม่จำต้องฟ้องหรือเรียกผู้เอาประกันภัยเข้ามาในคดีก็ได้”
พิพากษายืน