แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การกระทำชำเราตามกฎหมายจะต้องปรากฏว่าของลับหรืออวัยวะสืบพันธุ์ของชายล่วงล้ำเข้าไปในช่องสังวาสหรืออวัยวะสืบพันธุ์ของหญิง การที่จำเลยขืนใจเด็กหญิงผู้เสียหายโดยใช้ของลับของจำเลยใส่เข้าไปในทางทวารหนักของผู้เสียหาย จึงไม่เป็นการกระทำชำเราคงมีความผิดฐานกระทำอนาจารเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงเตือน ส่งเมา อายุ ๑๒ ปี โดยใช้ปืนขู่แล้วกระทำชำเราทางทวารหนักจนสำเร็จ และต่อมาจำเลยมีอาวุธปืนสั้น ๑ กระบอก ปืนลูกซองสั้น ๑ กระบอกซึ่งไม่มีเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน กับกระสุนปืน ๒ นัดโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ , ๒๗๗ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๗ และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กับขอให้ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่เรียกว่าเป็นการกระทำชำเราตามกฎหมาย พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๙ วรรคสอง ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ.๒๕๑๔) ข้อ ๙ และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ วางโทษจำคุกฐานกระทำอนาจาร ๔ ปี ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ๑ ปี ลดฐานรับสารภาพให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด ๒ ปี ๖ เดือน ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำชำเราตามกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยได้ขืนใจผู้เสียหาย โดยใช้ของลับของจำเลยใส่เข้าไปในทางทวารหนักของผู้เสียหาย
วินิจฉัยว่า จะเป็นการกระทำชำเราตามกฎหมายจะต้องปรากฏว่าของลับหรืออวัยวะสืบพันธุ์ของชายล่วงล้ำเข้าไปในช่องสังวาสหรืออวัยวะสืบพันธุ์ของหญิง แต่คดีนี้ได้ความว่าของลับหรืออวัยวะสืบพันธุ์ของจำเลยมิได้ล่วงล้ำเข้าไปในช่องสังวาสหรืออวัยวะสืบพันธุ์ของผู้เสียหาย แต่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในทางทวารหนักของผู้เสียหาย ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการกระทำชำเราตามกฎหมาย ศาลล่างทั้งสองพิพากษาคดีมาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน