คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยโต้เถียงทะเลาะกับผู้เสียหายก่อนแล้วผู้เสียหายใช้ของแข็งตีศีรษะจำเลย 1 ที. จำเลยไปหยิบมีดโต้วิ่งเข้าหาผู้เสียหาย. ผู้เสียหายวิ่งหนี. จำเลยไล่ตาม.ผู้เสียหายหกล้ม. จำเลยตามทันก็ใช้มีดโต้ฟันผู้เสียหายมีบาดแผล 2 แห่ง คือ ที่ข้อศอกซ้ายและที่ไหล่ขวาแห่งละแผล. แล้วจำเลยก็กลับไปเองโดยไม่ได้ทำร้ายซ้ำเติมอีก. ดังนี้แสดงว่าจำเลยได้ฟันผู้เสียหายโดยฉุกละหุกเนื่องจากผู้เสียหายตีศีรษะจำเลยแตก. แม้อาวุธมีดที่จำเลยใช้ฟันผู้เสียหายจะเป็นมีดที่ใหญ่ยาวถึงศอกเศษอันอาจทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ก็ดี. แต่จำเลยก็ใช้ฟันผู้เสียหายเพียง 2 แผลในที่ไม่สำคัญเท่านั้น.แล้วจำเลยก็หยุดยั้งและกลับไปเอง ทั้งที่จำเลยมีโอกาสที่จะฟันผู้เสียหายซ้ำในที่สำคัญๆให้ถึงตายได้.บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็รักษาหายภายในเวลาหนึ่งเดือน. เพียงเท่านี้จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยฟันทำร้ายผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า. คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจใช้ไม้ฆ้อนตีที่หลังนายหมา นิลพา1 ที แล้วใช้มีดโต้ไล่ฟันนายหมา นิลพา ถูกตามร่างกายหลายที จนนายหมา นิลพา ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องรักษาหนึ่งเดือน ทั้งนี้โดยจำเลยมีเจตนาฆ่านายหมา นิลพา แต่มีคนอื่นมาขัดขวางห้ามจำเลยไว้จำเลยจึงฆ่านายหมา นิลพา ไม่สำเร็จ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 297 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าคนตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าคน ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยซึ่งเป็นบุตรเขยนายหมา นิลพา ผู้เสียหายและอยู่เรือนเดียวกัน ได้เกิดทะเลาะโต้เถียงกับผู้เสียหาย แล้วผู้เสียหายได้ใช้ของแข็งตีถูกศีรษะด้านซ้ายของจำเลยแตก 1 แผล จำเลยจึงหยิบมีดโต้ที่ข้างฝาเรือนวิ่งเข้าหาผู้เสียหาย ผู้เสียหายหนีโดดจากเรือน จำเลยไล่ตามผู้เสียหาย ผู้เสียหายหกล้มจำเลยจึงใช้มีดโต้นั้นฟันถูกผู้เสียหายมีบาดแผล 2 แห่ง คือ ที่ข้อศอกซ้ายและที่ไหล่ขวาแห่งละแผล แล้วจำเลยก็กลับไปเองโดยไม่ได้ทำร้ายซ้ำเติมผู้เสียหายอีก ตามพฤติการณ์ของจำเลยและผู้เสียหายดังกล่าวแล้วแสดงว่า จำเลยได้ฟันผู้เสียหายโดยฉุกละหุก เนื่องจากผู้เสียหายตีศีรษะจำเลยแตกแม้อาวุธมีดที่จำเลยใช้ฟันผู้เสียหายจะเป็นมีดที่ใหญ่ยาวถึงศอกเศษอันอาจทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ก็ดีแต่จำเลยก็ใช้ฟันผู้เสียหายเพียง 2 แผลในที่ไม่สำคัญ แล้วจำเลยก็หยุดยั้งและกลับไปเองทั้งที่จำเลยมีโอกาสที่จะฟันผู้เสียหายในที่สำคัญ ๆ ให้ถึงตายซ้ำได้อีกโดยง่าย เพราะไม่ปรากฏว่าได้มีผู้ใดมาขัดขวางห้ามปรามยื้อแย่งมีด หรือจับกุมจำเลยไว้ไม่ให้ทำร้ายผู้เสียหายต่อไปแต่อย่างไร บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็รักษาหายในหนึ่งเดือน เพียงเท่านี้จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยฟันทำร้ายผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าคงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น จึงพิพากษายืน.

Share