แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยตั้งโจทก์เป็นตัวแทนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยโจทก์ได้ประโยชน์เป็นดอกเบี้ยจากเงินที่ทดรองจ่ายแทนจำเลยไปในการซื้อหุ้นและเงินค่าบำเหน็จในการซื้อขาย ส่วนจำเลยจะได้ประโยชน์หากขายหุ้นได้กำไร วัตถุประสงค์อันแท้จริงของโจทก์จำเลยจึงเป็นการค้าเก็งกำไรจากราคาหุ้นที่ขึ้นลงมากกว่าประสงค์ที่จะให้มีการโอนใบหุ้นใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง อันจะต้องปฏิบัติตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 จึงถือได้ว่าโจทก์จำเลยมิได้ยึดถือเอาระเบียบข้อบังคับและกฎหมายในเรื่องตลาดหลักทรัพย์มาเป็นสาระสำคัญในสัญญา ดังนั้นแม้โจทก์จะมิได้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและกฎหมายในเรื่องตลาดหลักทรัพย์ ก็หาทำให้หุ้นที่โจทก์ซื้อไว้ตามคำสั่งของจำเลยมิใช่หุ้นที่จำเลยสั่งซื้อไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมอบหมายให้โจทก์ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แทนจำเลย โดยให้โจทก์ได้ดอกเบี้ยจากเงินที่โจทก์ทดรองจ่ายในการซื้อหุ้นไปก่อนและได้บำเหน็จในการซื้อขาย จำเลยเป็นหนี้ค่าที่โจทก์จ่ายทดรองในการซื้อหุ้นต่าง ๆ ตามคำสั่งของจำเลยรวมทั้งดอกเบี้ยเป็นเงินที่ยังค้างชำระทั้งสิ้น ๑๙๔,๐๓๖.๙๐ บาท จึงขอให้พิพากษาบังคับ
จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการ และต่อสู้ว่าการซื้อหุ้นของโจทก์ที่นำมาฟ้องไม่ถูกต้อง โจทก์มิได้ซื้อหุ้นในวันที่สั่งซื้อและจำเลยมิได้อยู่ในฐานะผู้ถือหุ้น ไม่มีมูลหนี้ที่จะต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๑๖๓,๑๐๔.๖๖ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้สั่งซื้อหุ้นของบริษัทต่าง ๆตามฟ้องจริง และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาอีกว่า หุ้นที่จำเลยสั่งซื้อเป็นหุ้นระบุชื่อ โจทก์ไม่โอนหรือส่งมอบใบหุ้นให้แก่จำเลยภายในกำหนดเวลา อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและกฎหมายในเรื่องตลาดหลักทรัพย์ หุ้นต่าง ๆ ที่โจทก์ฟ้องจึงมิใช่หุ้นที่จำเลยสั่งซื้อนั้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า หุ้นของบริษัทต่าง ๆ ที่โจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้เป็นหุ้นที่จำเลยโทรศัพท์สั่งซื้อในเดือนตุลาคม ๒๕๒๑ ทั้งสิ้น ครั้นต่อมาวันที่ ๒๓ มีนาคม๒๕๒๒ จำเลยยื่นคำขอเป็นลูกหนี้เกินบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ต่อโจทก์อีก จำเลยก็มิได้ทักท้วงโจทก์เกี่ยวกับเรื่องการโอนหุ้นหรือทักท้วงโจทก์เกี่ยวกับการปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับหรือกฎหมายในเรื่องตลาดหลักทรัพย์แต่อย่างใดทั้งเมื่อตรวจดูเอกสารการซื้อหุ้นตามเอกสารหมาย จ.๘ ซึ่งมี ๑๕ แผ่น ปรากฏว่านอกจากหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ที่โจทก์ฟ้องสามบริษัทนี้แล้ว จำเลยยังสั่งซื้อและสั่งขายหุ้นของบริษัทต่าง ๆ อีกหลายบริษัทซึ่งก็ไม่ปรากฏว่าได้มีการโอนหุ้นหรือปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและกฎหมายในเรื่องตลาดหลักทรัพย์ อันแสดงให้เห็นถึงวิธีการปฏิบัติระหว่างโจทก์จำเลยว่าเป็นการปฏิบัติต่อกันตามสัญญาตัวแทน ซึ่งจำเลยแต่งตั้งให้โจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์เป็นตัวแทนในการซื้อหุ้นหรือหลักทรัพย์ โดยให้โจทก์จ่ายเงินทดแทนจำเลยไปก่อน ในการนี้โจทก์คิดผลประโยชน์เป็นดอกเบี้ยจากเงินที่ออกทดรองให้จำเลยในการซื้อหุ้นแต่ละครั้ง และจากเงินค่าบำเหน็จในการซื้อหรือขายแต่ละคราว ส่วนจำเลยก็จะได้ประโยชน์หากขายหุ้นดังกล่าวได้กำไร วัตถุประสงค์อันแท้จริงของโจทก์จำเลยจึงเป็นการค้าเก็งกำไรจากราคาหุ้นที่ขึ้นลงในตลาดหุ้นมากกว่าประสงค์ที่จะให้มีการโอนใบหุ้นใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของที่แท้จริง อันจะต้องปฏิบัติตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๒๙ จึงเป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่า โจทก์จำเลยมิได้ยึดถือเอาระเบียบข้อบังคับและกฎหมายในเรื่องตลาดหลักทรัพย์มาเป็นสาระสำคัญในสัญญา ดังนั้น แม้โจทก์จะมิได้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและกฎหมายในเรื่องตลาดหลักทรัพย์ดังกล่าว ก็หาทำให้หุ้นต่าง ๆ ที่โจทก์ฟ้องมิใช่หุ้นที่จำเลยสั่งซื้อไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นทุกข้อ
พิพากษายืน