คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10454/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการข้อที่ 1 ที่ว่าผู้ร้องมีสิทธิได้รับค่าธรรมเนียมการจัดการเต็มจำนวนโดยไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายนั้น คำชี้ขาดดังกล่าวไม่อาจถือได้ว่าขัดต่อประมวลรัษฎากร เพราะการที่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างจะต้องชำระเงินค่าธรรมเนียมการจัดการให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจ้างและได้รับเงินได้พึงประเมินตามที่จ่ายในประเทศไทย อันเป็นเหตุให้ผู้ร้องต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายไว้ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากรก็ตาม แต่หน้าที่ของผู้ร้องในการที่ต้องชำระภาษีจากเงินได้พึงประเมิน และหน้าที่ของผู้คัดค้านในการที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินที่ต้องจ่ายให้แก่ผู้ร้องก็ไม่ได้ถูกลบล้างไปโดยข้อตกลงตามสัญญาการจัดการดังกล่าว สัญญาการจัดการระหว่างผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ตกลงกันให้ผู้รับจ้างได้รับผลตอบแทนเต็มจำนวน ย่อมสามารถคิดคำนวณกันได้ คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการจึงเป็นการชี้ขาดเฉพาะในเรื่องของสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดของคู่สัญญาตามสัญญาการจัดการ ที่เป็นผลให้ผู้คัดค้านต้องชำระเงินค่าตอบแทนตามสัญญาในรูปค่าธรรมเนียมการจัดการให้แก่ผู้ร้องเต็มจำนวนเท่านั้น ไม่กระทบถึงหน้าที่ของผู้ร้องและผู้คัดค้านที่เกี่ยวกับการชำระภาษีจากจำนวนเงินค่าตอบแทนดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากรแต่อย่างใด เพราะทั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านยังมีหน้าที่ชำระภาษีตามที่กฎหมายกำหนดไว้ คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการจึงไม่ขัดต่อกฎหมาย และการบังคับตามคำชี้ขาดในส่วนดังกล่าวก็ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้อง ขอให้บังคับผู้คัดค้านปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ดังนี้
1. ให้ผู้ร้องมีสิทธิได้รับค่าธรรมเนียมการจัดการเต็มจำนวน โดยไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย
2. ให้บุคคลผู้ได้รับแต่งตั้งจากผู้ร้องกลับเข้าเป็นผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อเบิกจ่ายเงินในบัญชีธนาคารของโรงแรม “เดอะ เจดีย์ ภูเก็ต” ตามที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาการจัดการข้อ 10
3. ให้ผู้คัดค้านชำระเงินค่าธรรมเนียมการจัดการที่ค้างชำระจนถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2544 พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2544 จนถึงวันยื่นคำร้องเป็นเงิน 111,572.87 ดอลลาร์สหรัฐ และให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี จากต้นเงิน 97,809.82 ดอลลาร์สหรัฐ นับจากวันถัดจากวันยื่นคำร้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
4. ให้ผู้คัดค้านชำระเงินที่หักจากค่าธรรมเนียมการจัดการของผู้ร้องตั้งแต่เดือนเมษายน 2544 ถึงเดือนสิงหาคม 2546 พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6 ต่อปีนับแต่วันครบกำหนดแต่ละงวดจนถึงวันยื่นคำร้องรวมเป็นเงิน 6,522,719.07 บาท และให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี จากต้นเงิน 5,989,005.86 บาท นับจากวันถัดจากวันยื่นคำร้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
5. ให้ผู้คัดค้านชำระเงินค่าธรรมเนียมการจัดการที่ผู้ร้องได้ดำเนินการตามสัญญาการจัดการในเดือนกันยายน 2546 และค่าธรรมเนียมการจัดการที่จะมีขึ้นในอนาคตตามสัญญาการจัดการเต็มจำนวนโดยไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย
6. ให้ผู้คัดค้านชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี จากจำนวนเงินที่ผู้คัดค้านผิดนัดไม่ชำระค่าธรรมเนียมการจัดการในเดือนกันยายน 2546 และค่าธรรมเนียมการจัดการที่จะมีขึ้นในอนาคตตามสัญญาการจัดการเต็มจำนวนโดยไม่หักภาษี ณ ที่จ่ายนับจากวันครบกำหนดชำระแต่ละงวดจนกว่าจะชำระเสร็จ
7. ให้ผู้คัดค้านชำระเงินค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายการดำเนินการอนุญาโตตุลาการในส่วนของผู้ร้อง พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี นับจากวันที่มีคำชี้ขาดจนถึงวันยื่นคำร้องรวมเป็นเงิน 15,473.42 ดอลลาร์สหรัฐ และให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี จากต้นเงิน 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ นับจากวันถัดจากวันยื่นคำร้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
8. ให้ผู้คัดค้านชำระเงินค่าใช้จ่ายทางกฎหมายและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี นับจากวันที่มีคำชี้ขาดจนถึงวันยื่นคำร้องรวมเป็นเงิน 51,310.88 ดอลลาร์สหรัฐ และให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี จากต้นเงิน 49,740.97 ดอลลาร์สหรัฐ นับจากวันถัดจากวันยื่นคำร้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
รวมต้นเงินและดอกเบี้ยที่ผู้คัดค้านค้างชำระคำนวณถึงวันยื่นคำร้องเป็นเงิน 6,522,719.07 บาท และ 178,357.17 ดอลลาร์สหรัฐ คำนวณเป็นเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศของธนาคารพาณิชย์ ณ วันที่ยื่นคำร้องได้เป็นเงิน 7,164,607.52 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 13,687,326.59 บาท
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการของหอการค้านานาชาติ ณ ประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์ ดังนี้
1. ให้ผู้ได้รับมอบหมายของผู้ร้องกลับเข้าเป็นผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อในบัญชีธนาคารของโรงแรมตามที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาการจัดการข้อ 10
2. ให้ผู้คัดค้านชำระเงินค่าธรรมเนียมการจัดการที่ค้างชำระแก่ผู้ร้องจำนวน 97,809.82 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี นับแต่วันที่มีการทำคำชี้ขาดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
3. ให้ผู้คัดค้านชำระค่าใช้จ่ายการดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการจำนวน 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี นับแต่วันที่มีการทำคำชี้ขาดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
4. ให้ผู้คัดค้านชำระค่าใช้จ่ายทางกฎหมายจำนวน 49,740.97 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี นับแต่วันที่มีการทำคำชี้ขาดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องและให้ผู้คัดค้านชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ร้อง โดยกำหนดค่าทนายความให้ 50,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ผู้ร้องและผู้คัดค้านอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ตามอุทธรณ์ของผู้ร้องประการแรกว่า การบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการข้อที่ 1 ที่ว่าผู้ร้องมีสิทธิได้รับค่าธรรมเนียมการจัดการเต็มจำนวนโดยไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายนั้น ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่ เห็นว่า คำชี้ขาดดังกล่าว ไม่อาจถือได้ว่าขัดต่อประมวลรัษฎากร เพราะการที่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างจะต้องชำระเงินค่าธรรมเนียมการจัดการให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจ้างและได้รับเงินได้พึงประเมินตามที่จ่ายในประเทศไทย อันเป็นเหตุให้ผู้ร้องต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายไว้ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากรก็ตาม แต่หน้าที่ของผู้ร้องในการที่ต้องชำระภาษีจากเงินได้พึงประเมิน และหน้าที่ของผู้คัดค้านในการที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินที่ต้องจ่ายให้แก่ผู้ร้องก็ไม่ได้ถูกลบล้างไปโดยข้อตกลงตามสัญญาการจัดการดังกล่าว สัญญาการจัดการระหว่างผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ตกลงกันให้ผู้รับจ้างได้รับผลตอบแทนเต็มจำนวน ย่อมสามารถคิดคำนวณกันได้ว่า ในกรณีเช่นนี้ตามประมวลรัษฎากรถือว่าผู้ร้องมีเงินได้พึงประเมินเท่าใด ต้องนำเงินภาษีที่ผู้ว่าจ้างออกให้มาคิดคำนวณเป็นเงินได้พึงประเมินหรือไม่ อย่างไร โดยผู้คัดค้านยังมีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายโดยค่าใช้จ่ายของผู้คัดค้านเอง คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการจึงเป็นการชี้ขาดเฉพาะในเรื่องของสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดของคู่สัญญาตามสัญญาการจัดการ ที่เป็นผลให้ผู้คัดค้านต้องชำระเงินค่าตอบแทนตามสัญญาในรูปค่าธรรมเนียมการจัดการให้แก่ผู้ร้องเต็มจำนวนเท่านั้น ไม่กระทบถึงหน้าที่ของผู้ร้องและผู้คัดค้านที่เกี่ยวกับการชำระภาษีจากจำนวนเงินค่าตอบแทนดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากรแต่อย่างใด เพราะทั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านยังมีหน้าที่ชำระภาษีตามที่กฎหมายกำหนดไว้ คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการจึงไม่ขัดต่อกฎหมาย และการบังคับตามคำชี้ขาดในส่วนดังกล่าว ก็ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนเช่นกัน ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ไม่บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการในข้อนี้ให้แก่ผู้ร้องจึงไม่ชอบ อุทธรณ์ของผู้ร้องข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการหอการค้านานาชาติ ณ ประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์ ฉบับลงวันที่ 24 มีนาคม 2546 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share