แหล่งที่มา : 11
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ของจำเลยตามกรมธรรม์ประกันภัยมีว่า โจทก์จะใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอกรายหนึ่ง ๆ ไม่เกิน 10,000 บาท รถยนต์ของจำเลยคันนั้นได้ชนกับรถยนต์คันอื่น ซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดชอบโจทก์ได้ซ่อมรถคันที่ถูกชนนั้นสิ้นเงินไป 25,000 บาท ขอให้จำเลยใช้เงิน 15,000 บาท ที่โจทก์จ่ายเกินไปให้โจทก์ดังนี้ บุคคลภายนอกผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้รับเงินค่าซ่อมรถจากโจทก์เป็นจำนวนเท่าที่โจทก์กับจำเลยได้ตกลงกันไว้ในกรมธรรม์ส่วนจำนวนที่ยังขาดอยู่นั้นชอบที่จะเรียกร้องให้จำเลยใช้ให้ โจทก์ไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะจ่ายเงินค่าซ่อมรถให้ผู้ต้องเสียหายเกินกว่าความรับผิดของตนซึ่งจำกัดไว้เพียง 10,000 บาท แต่เมื่อได้จ่ายไปแล้วแม้จำเลยจะไม่ได้มอบหมายให้จัดการแทนก็ตาม ก็ย่อมเป็นผลทำให้หนี้ค่าซ่อมรถที่ยังขาดอยู่นั้นระงับไป และจำเลยหลุดพ้นความรับผิดต่อผู้ต้องเสียหายจึงอาจสมประโยชน์ของจำเลยซึ่งเป็นตัวการและต้องตามความประสงค์อันแท้จริงของตัวการหรือความประสงค์ตามที่จะพึงสันนิษฐานได้ กรณีตามฟ้องเป็นเรื่องจัดการงานนอกสั่งที่อาจจะก่อให้เกิดหนี้ที่ผูกพันจำเลยให้ต้องชดใช้เงินที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการได้ออกทดรองจัดการงานให้จำเลยไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 401 โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยศาลชอบที่จะรับฟ้องไว้พิจารณา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุน รถยนต์ของจำเลยคันหมายเลขทะเบียน น.ม.03620 มีข้อตกลงในกรมธรรม์ประกันภัยข้อ 5 ว่า โจทก์จะใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอกรายหนึ่ง ๆไม่เกิน 10,000 บาท แต่เมื่อรวมแล้วไม่เกิน 50,000 บาท ในระหว่างอายุสัญญาประกันภัย รถยนต์ของจำเลยคันดังกล่าวชนกับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน น.บ.04320 ซึ่งจำเลยจะต้องรับผิด โจทก์ได้ซ่อมรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน น.บ.04320 สิ้นเงินไป 25,000 บาทขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยใช้เงินจำนวนนี้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 วรรค 2 บัญญัติว่า ค่าสินไหมทดแทนที่บุคคลผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้รับจากผู้รับประกันภัยโดยตรงหาอาจจะคิดเกิน ไปกว่าจำนวนอันผู้รับประกันภัยจะพึงต้องใช้ตามสัญญานั้นได้ไม่ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์กระทำไปตามลำพังเอง จะให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์หาได้ไม่ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ปัญหาว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินค่าซ่อมรถยนต์ส่วนที่เกิดจากความรับผิดของตนจากจำเลยหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า บุคคลภายนอกซึ่งเป็นผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้รับเงินค่าซ่อมรถยนต์จากโจทก์เป็นจำนวนเงินเท่าที่โจทก์กับจำเลยได้ตกลงกันไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยและชอบที่จะเรียกร้องให้จำเลยรับใช้เงินค่าซ่อมรถยนต์จำนวนที่ยังขาดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 เห็นได้ว่าโจทก์และจำเลยต่างต้องรับผิดต่อผู้ต้องเสียหายเป็นเงินคนละส่วนกัน และโจทก์กับจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ตามสัญญาประกันภัยค้ำจุนสำหรับเงินค่าซ่อมรถยนต์จำนวนที่ยังขาด เมื่อมีข้อสัญญาในกรมธรรม์ประกันภัย จำกัดความรับผิดของโจทก์ไว้เพียง 10,000 บาทโจทก์ก็ไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะจ่ายเงินค่าซ่อมรถยนต์ให้ผู้ต้องเสียหายเกินกว่าความรับผิดของตน แต่เมื่อจ่ายไปตามฟ้องแล้วแม้จำเลยจะไม่ได้มอบหมายให้จัดการแทนก็ตาม ย่อมเป็นผลทำให้หนี้เงินค่าซ่อมรถยนต์จำนวนที่ยังขาดระงับไป และจำเลยหลุดพ้นความรับผิดต่อผู้ต้องเสียหาย จึงอาจสมประโยชน์ของจำเลยซึ่งเป็นตัวการ เพราะต้องตามประสงค์อันแท้จริงของตัวการ หรือต้องตามความประสงค์ตามที่พึงจะสันนิษฐานได้ กรณีตามฟ้องจึงเป็นเรื่องจัดการงานนอกสั่งที่อาจจะก่อให้เกิดหนี้ที่ผูกพันจำเลยให้ชดใช้เงินที่โจทก์ซึ่งเป็นู้จัดการได้ออกทดรองจัดการงานให้จำเลยไปคืนแก่ตนได้ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 401 โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลย ชอบที่จะรับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
พิพากษาให้ยกคำสั่งและคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง และให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องโจทก์ไว้ดำเนินการพิจารณาต่อไป