แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยถือสิทธิเข้าครอบครองไนที่รายพิพาทพายหลังที่ฝ่ายโจทได้ร้องขอไห้ทางอำเพอออกไบเหยียบย่ำแล้วเช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ไช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ย่อยาว
ได้ความว่าโจทได้ร้องขอต่ออำเพอไห้ออกไบเหยียบย่ำสำหรับที่พิพาทเมื่อ พ.ส. ๒๔๘๒ เจ้าพนักงานได้ทำการรังวัดและออกประกาสอำเพอได้ออกไบเหยียบย่ำไห้โจทเมื่อวันที่ ๒๗ เมสายน ๒๔๘๓ ก่อนอำเพอได้ออกไบเหยียบย่ำไห้โจทนั้น จำเลยได้เข้าทำนาไนที่รายพิพาทนี้
สาลชั้นต้นพิจารนาแล้วพิพากสาห้ามมิไห้จำเลยเข้าเกี่ยวข้องไนที่ดินรายพิพาท
จำเลยอุธรน์ สาลอุธรน์ฟังว่าที่พิพาทเปนที่ว่างเปล่า โจทได้รับไบเหยียบย่ำจึงยังไม่มีกัมสิทธิ์ไนที่ดินหย่างไรเสมอกับที่ดินมือเปล่าซึ่งผู้ไดจะมีกัมสิทธิ์ก็ต่อเมื่อได้เข้ายึดถือเพื่อตนปรากตว่าจำเลยเข้ายึดถือมาก่อนโจท จึงย่อมได้สิทธิเปนเจ้าของ พิพากสากลับไห้ยกฟ้องโจท แต่มีความเห็นแย้ง
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่าก่อนหน้าที่จำเลยเข้าทำนี้ โจทได้ร้องขอไห้ออกไบเหยียบย่ำต่ออำเพอ จำเลยได้ไปคัดค้าน อำเพอสั่งไห้จำเลยฟ้องก็ไม่ฟ้อง กลับเข้าทำเสียเองโดยลำพัง จึงเปนการไช้สิทธิโดยไม่สุจริตตามมาตรา ๕ ประมวนกดหมายแพ่งและพานิช จึงพิพากสากลับไห้บังคับคดีตามสาลชั้นต้น