คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้ทำการปล้นทรัพย์ แล้วได้พากันหนีไปห่างที่เกิดเหตุประมาณ 2 เส้น เห็นคนเดินสวนทางมา จำเลยจึงได้ยิงปืนขึ้น 1 นัด เป็นการยิงเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่ขาดตอนกับการปล้น การกระทำของจำเลยจึงผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า วันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๐๗ เวลากลางวัน จำเลยกับพวกอีก ๒ คน ร่วมกันมีอาวุธปืนติดตัวปล้นเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายรวมราคา ๒,๕๘๐ บาท โดยจำเลยใช้ปืนขู่เข็ญจะทำร้ายผู้เสียหาย เพื่อสะดวกในการปล้นทรัพย์หลบหนีไปพร้อมกับยิงปืนขู่ขึ้น ๑ นัด ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่าจำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๔ จำคุกจำเลยไว้ ๒๐ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๒ คงจำคุกจำเลย ๑๒ ปี
โจทก์และจำเลยฎีกา โดยโจทก์ขอให้วางบทกำหนดโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนจำเลยขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาพิเคราะห์พยานโจทก์จำเลยโดยตลอดแล้ว ฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง ส่วนข้อที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยควรมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๔ นั้น เห็นว่า จำเลยได้ใช้ปืนยิงในระยะห่างที่เกิดเหตุ ๒ เส้น ในขณะเห็นนายน้อยสวนทางมา จึงเห็นได้ว่าเป็นการยิงเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่ขาดตอนกับการปล้น การกระทำของจำเลยจึงผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๔
พิพากษาแก้ บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นทุกประการ

Share