แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เทศมนตรีไม่ได้ไปทำงาน แต่ได้ลงลายมือชื่อในบัญชีรายวันมาทำงานว่า ได้มาทำงานในวันนั้น ผู้มีหน้าที่ตั้งฎีกาเบิกเงินหลงเชื่อ จึงเบิกเงินค่าป่วยการประจำวัน และเงินเพิ่มพิเศษมามอบให้เทศมนตรีรับไปดังนี้ การกระทำของเทศมนตรีดังกล่าวยังไม่เป็นความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 133
ความผิดฐานฉ้อโกงเงินของเทศบาล นั้น สัตว์แพทย์ประจำเทศบาลไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจร้องทุกข์ตามกฎหมายได้
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๓๓,๑๓๔,๓๐๔,
จำเลยปฏิเสธ
ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนายกเทศมนตรี เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๔๙๔ จำเลยที่ ๒ – ๓ ไม่ได้มาทำงาน แต่ได้ลงลายมือชื่อในบัญชีรายวันมาทำงานว่า ได้มาทำงานในวันนั้นแล้ว หลอกลวงให้นายองอาจผู้มีหนัาที่ตั้งฎีกาเบิกเงินค่าป่วยการ และเงินเพิ่มพิเศษชั่วคราว ให้จำเลยทั้ง ๒ รับไป เป็นค่าป่วยการประจำวันคนละ ๕ บาท เงินเพิ่มพิเศษ ๒๗ บาท จำเลยที่ ๑ เป็นนายกเทศมนตรี เป็นผู้ลงชื่ออนุญาตให้เบิกจ่าย จำเลยที่ ๒ – ๓ ผิดตาม ก.ม.ลักษณอาญามาตรา ๑๓๓ ให้จำคุกคนละ ๑ ปี แพ้ให้รอการลงอาญาไว้ ฯลฯ สำหรับจำเลยที่ ๑ ไม่มีเจตนาทุจริตให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ – ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒,๓,ด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่ากฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๑๓๓ เป็นบทบัญญัติสำหรับความผิดในเรื่องเข้าไปเกี่ยวข้องหากำไรและผลประโยชน์ส่วนตัวในกิจการที่จำเลยมีหน้าที่กระทำ แต่ในคดีนี้เป็นเรื่องค่าป่วยการ หรือค่าจ้างรางวัลตอบแทนในการที่จำเลยได้มาทำงานให้แก่เทศบาล จึงไม่เข้าองค์ความผิดแห่ง ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๓๓
ส่วนความผิดฐานฉ้อโกง นั้น สัตว์แพทย์ประจำเทศบาล ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีสิทธิร้องทุกข์ได้
คงพิพากษายืน