คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายด้วยนั้น แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องคดีส่วนอาญา แต่เมื่อคำขอส่วนแพ่ง เป็นคำขอที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาที่โจทก์ฟ้อง ดังนี้อำนาจของพนักงานอัยการที่จะว่ากล่าวเกี่ยวกับคำขอส่วนแพ่งยังคงมีต่อไป ศาลจึงมีอำนาจสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2516)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักธนบัตรฉบับละ 20 บาท 4 ฉบับ ฉบับละ10 บาท 2 ฉบับ และกระดาษชำระ 1 กล่อง ราคา 10 บาท รวมราคาทรัพย์110 บาทของผู้เสียหายไปโดยทุจริตเจ้าพนักงานตำรวจติดตามจับจำเลยได้พร้อมด้วยธนบัตรชนิดต่าง ๆ รวมราคา 30 บาท กับกระดาษ 1 กล่องอันเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งที่จำเลยลักไปเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 คืนของกลางแก่ผู้เสียหาย และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 70 บาทแก่ผู้เสียหาย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยถ้าจะเป็นความผิดก็เข้าลักษณะความผิดฐานฉ้อโกง ไม่ใช่เป็นเรื่องลักทรัพย์ ต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2 พิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่สำหรับเงิน 70 บาทที่ผู้เสียหายยังไม่ได้คืนตามที่โจทก์ขอให้คืน จำเลยก็ยอมรับอยู่ว่าจำเลยยังไม่ได้คืนให้แก่ผู้เสียหายแม้ศาลจะยกฟ้องจำเลย ก็ให้จำเลยคืนเงิน 70 บาทที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย และให้คืนกระดาษ 1 กล่อง เงิน 30 บาทของกลางแก่เจ้าทรัพย์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยไม่มีเจตนาทุจริตลักเงินของผู้เสียหายพิพากษายืนในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีเจตนาทุจริต ไม่มีทางลงโทษ และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าเกี่ยวกับคำขอของโจทก์ที่ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 70 บาทแก่ผู้เสียหายนั้น ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เป็นคำขอส่วนแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องแม้ศาลจะไม่ลงโทษจำเลย อำนาจของพนักงานอัยการที่จะว่ากล่าวเกี่ยวกับคำขอส่วนแพ่งยังคงมีต่อไปศาลจึงมีอำนาจสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายได้ แต่คดีนี้จำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านว่าศาลชั้นต้นไม่ควรจะสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 70 บาทแก่ผู้เสียหาย ปัญหาข้อนี้จึงยุติ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

พิพากษายืน

Share