คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1037/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สารวัตรกำนันเป็นผู้ช่วยกำนัน เมื่อกำนันมีหน้าที่และอำนาจจับกุมผู้กระทำความผิด สารวัตรกำนันก็ย่อมช่วยกำนันทำการจับกุมผู้กระทำความผิดได้ และการช่วยทำการจับกุมผู้กระทำผิดนี้ ไม่จำเป็นจะต้องให้กำนันเรียกร้องให้ช่วยหรือต้องมีตัวกำนันอยู่ด้วย เพราะกฎหมายให้มีหน้าที่ช่วยกำนันอยู่ในตัวเป็นปกติแล้ว เมื่อจำเลยต่อสู้และทำร้ายสารวัตรกำนันในการจับกุมจำเลยและควบคุมจำเลยส่งพนักงานสอบสวน ย่อมได้ชื่อว่าจำเลยต่อสู้ผู้ต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 และทำร้ายผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตามมาตรา 289 อันเป็นความผิดตามมาตรา 296

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายสุวิรัตน์สารวัตรกำนันซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายได้ทำการจับกุมจำเลยในข้อหาทำร้ายร่างกายนายดีและนายอุ่นเรือน ควบคุมตัวจำเลยเพื่อส่งพนักงานสอบสวน จำเลยได้ต่อสู้ขัดขวางนายสุวิรัตน์โดยใช้กำลังทำร้ายนายสุวิรัตน์มีบาดแผลบาดเจ็บเพื่อจะหลบหนีให้พ้นจากการจับกุม ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 296

จำเลยรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ตำแหน่งสารวัตรกำนันไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย เพราะเป็นเพียงผู้ช่วยและรับใช้สอยกำนันตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 44 เท่านั้น จะถือว่ามีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดเช่นเดียวกับผู้ใหญ่บ้านและกำนันไม่ได้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามมาตรา 138, 296 คงมีความผิดตามมาตรา 295 พิพากษาลงโทษตามมาตรา 295 จำเลยรับลดกึ่งแล้วจำคุก 2 เดือน ปรับ 150 บาท โทษจำรอไว้ 3 ปี

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 296

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่มาตรา 44 และ 35 สารวัตรกำนันย่อมมีอำนาจช่วยจับผู้ทำผิดหรือมีเหตุสงสัยว่าทำผิดได้ สารวัตรกำนันจึงเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย พิพากษาแก้ศาลชั้นต้นว่า จำเลยผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 296 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 296 ซึ่งเป็นบทหนัก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาว่า การกระทำของนายสุวิรัตน์มิใช่เป็นการกระทำของเจ้าพนักงานและนายสุวิรัตน์มิใช่เจ้าพนักงาน

ศาลฎีกาพิจารณาประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 296, 289ประกอบกับพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา44, 35(3) แล้ว เห็นว่า พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่มาตรา 44 ให้สารวัตรกำนันเป็นผู้ช่วยกำนัน เมื่อกำนันมีหน้าที่และอำนาจจับกุมผู้กระทำความผิด สารวัตรกำนันก็ย่อมช่วยกำนันทำการจับกุมผู้กระทำผิดได้ และการช่วยทำการจับกุมผู้กระทำผิดนี้ ไม่จำเป็นจะต้องให้กำนันเรียกร้องให้ช่วยหรือต้องมีตัวกำนันอยู่ด้วย เพราะกฎหมายให้มีหน้าที่ช่วยกำนันอยู่ในตัวเป็นปกติอยู่แล้ว ฉะนั้น เมื่อจำเลยต่อสู้และทำร้ายสารวัตรกำนันในการจับกุมจำเลยและควบคุมจำเลยส่งพนักงานสอบสวน จึงได้ชื่อว่าจำเลยต่อสู้ผู้ต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 และทำร้ายผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตามมาตรา 289 อันเป็นความผิดตามมาตรา 296

ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share