คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีล้มละลาย เมื่อเจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ และจำเลยโต้แย้งคัดค้าน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนทำความเห็นแล้ว หากศาลสั่งขัดต่อข้อโต้แย้งของจำเลย จำเลยย่อมมีสิทธิจะอุทธรณ์คัดค้านได้ ไม่มีบทบัญญัติห้ามอุทธรณ์

ย่อยาว

สาขาคดีล้มละลายคดีนี้ เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ยืนคำขอรับชำระหนี้ ๑๓๔,๑๑๑.๗๒ บาท จำเลยซึ่งเป็นหนี้คัดค้าน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วทำความเห็นว่า ลูกหนี้มิได้เป็นหนี้ เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์แต่อย่างใด ควรยกคำขอรับชำระหนี้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับชำระหนี้ ได้ในจำนวน ๘๙,๔๐๒.๓๓ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวเท่านั้น ที่จะมีอำนาจดำเนินคดีแทนลูกหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ เว้นแต่กรณีจะเข้ามาตรา ๒๔ คือ กระทำตามคำสั่ง หรือ ความเห็นชอบของศาล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้จัดการทรัพย์ หรือที่ประชุมเจ้าหนี้ เมื่อลูกหนี้มิได้กระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบดังระบุไว้ จะให้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลไม่ได้ จะอุทธรณ์ได้ก็แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นที่อุทธรณ์ต่อไป พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และการพิจารณาของศาล เรื่องเจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ เป็นกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายซึ่งบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายต่อสู้คดี เรื่องเจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ ตาม มาตรา ๑๐๕ และ ๑๐๖ ก็ให้สิทธิลูกหนี้ที่จะโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ ซึ่งศาลจะต้องวินิจฉัยข้อโต้แย้งให้ เมื่อศาลสั่งขัดต่อข้อโต้แย้ง ผู้มีสิทธิโต้แย้งย่อมมีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านได้ ไม่มีบทบัญญัติห้ามอุทธรณ์ จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นข้ออุทธรณ์ แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ

Share