คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1031/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้มีชื่อไนหน้าโฉนดเมื่อข้อเท็ดจิงปรากตว่าโจทมิเคยได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับที่ดินรายพิพาท จำเลยและผู้ร้องสอดได้แบ่งครอบครองกันเปนส่วนเปนสัดโดยสงบและเปิดเผยเปนเวลาเกือบ 2 0 ปี เช่นนี้โจทหามีสิทธิฟ้องขอแบ่งได้ไม่ , ตามกดหมายที่ดิน ฯ ผู้มีชื่อไนหน้าโฉนดถือว่าเปนเจ้าของกัมสิทธิ ผู้ไดกล่าวอ้างว่าตนเปนผู้มีกัมสิทธิอันแท้จริง ต้องนำสืบหักล้างข้อสันนิถานนั้น

ย่อยาว

ได้ความว่า เมื่อนายสุดบิดาของโจทจำเลยตายแล้ว บันดาบุตรของนายสุดต่างได้แบ่งแยกกันครอบครองทำนาไนที่ดินซึ่งเปนทรัพย์มรดกของนายสุดเปนส่วนเปนสัดกันแล้ว พายหลังต่างพากันร้องขอรับมรดกที่ดินเหล่านี้ต่อเจ้าพนักงานที่ดินแยกกันเปนแปลง ๆ ไปตามที่ตนได้ครอบครองมา เมื่อเจ้าพนักงานออกประกาสแล้ว ไม่มีผู้ได้คัดค้าน ซึ่งเปนการสแดงเจตนาของทายาทนายสุดเหล่านี้ว่า ตนมีความประสงค์จะขอรับมรดกที่ดินแต่ฉเพาะแปลงที่ตนร้องขอรับมรดกเท่านั้น สำหรับที่ดินรายพิพาทนั้น จำเลยและผู้ร้องสอดซึ่งเปนผู้ครอบครองทำนาแปลงนี้มาเท่านั้นเปนผู้ขอรับมรดก โจทมิได้คัดค้านประการได แต่เจ้าพนักงานที่ดินเห็นว่าโจทมีอายุยังไม่ครบ ๒๐ ปี และไม่มีผู้ปกครองจึงไห้ลงชื่อโจทไว้ไนโฉนดที่ดินซึ่งเปนมรดกของนายสุดรวมกับผู้ขอรับมรดกไนที่ดินนั้น ๆ ทุกโฉนดร่วมทั้งโฉนดที่ดินรายพิพาทนี้ด้วย.
สาลชั้นต้นพิจารนาแล้วเห็นว่า ข้อที่จำเลยและผู้ร้องสอดต่อสู้ว่า โจทมีชื่อไนโฉนดโดยไม่มีกัมสิทธินั้น เมื่อได้ยินยอมไห้โจทมีชื่อร่วมไนโฉนดด้วยโดยไม่มีการผิดหลง ต้องถือว่าโจทได้กัมสิทธิเปนเจ้าของรวมตามซึ่งมีชื่อโฉนดตั้งแต่ขนะนั้นจึงพิพากสาไห้แบ่งที่ดินรายพิพาทไห้แก่โจท ๑ ไน ๔
จำเลยและผู้ร้องต่ออุธรน์
สาลอุธรน์เห็นว่า จำเลยกับผู้ร้องสอดย่อมได้กัมสิทธิที่ดินรายพิพาทตามส่วนที่เขาได้ครอบครองมาตามประมวนแพ่ง ฯ มาตรา ๑๓๘๒,๑๓๘๕ โจทหามีสิทธิฟ้องขอแบ่งที่ดินรายพิพาทนี้ไม่ จึงพิพากสากลับไห้ยกฟ้อง
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่าจิงหยู่ตามพระราชบัญญัติการออกโฉนดที่ดินมาตรา ๓๕ ว่า ผู้ที่มีชื่อไนหน้าโฉนดเปนเจ้าของกัมสิทธิ แต่บทบัญญัตินี้เปนเพียงข้อสันนิถานเมื่อข้อเท็ดจิงปรากตชัดว่าที่แท้ผู้ที่มีชื่อไนหน้าโฉนดไม่มีกัมสิทธิไนที่ดินแล้ว ระหว่างกันเองสาลย่อมวินิฉัยข้อพิพาทไปตามความเปนจิง กล่าวคือ สาลยอมไห้ผู้ถือกัมสิทธิอันแท้จิงนำสืบลบล้างข้อสันนิถานตามมาตรา ๓๕ ได้ และโจทจะคัดค้านว่า จำเลยครอบครองที่ดินแทนโจทตามประมวนแพ่งฯ มาตรา ๑๓๘๑ ก็ไม่ได้ โดยระหว่างกันเองโจทไม่เคยมีกัมสิทธิไนที่รายพิพาทจำเลยต่างหากเปนผู้มีกัมสิทธิครอบครองเพื่อตนเอง จำเลยไม่เคยสแดงว่าได้ยึดถือครอบครองแทนโจทแต่หย่างไรเลย จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์

Share