คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1031/2481

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นธรรมการอำเภอทำหนังสือปลอมเป็นใบรับเงินของผู้มีสิทธิจะรับเงินค่าก่อสร้างโรงเรียนไปยื่นต่อนายอำเภอเพื่อให้จ่ายเงิน นายอำเภอหลงเชื่ออนุญาตให้จำเลยรับเงินไปจำเลยเอาเงินนี้ไว้เสียเอง จำเลยไม่มีผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกตามกฎหมายอาญา ม.131 และฐานเป็นเจ้าพนักงานปลอมหนังสือซึ่งอยู่ในหน้าที่ตาม ม.229 ทั้งไม่เป็นการปลอมหนังสือสำคัญในราชการตาม ม.225 ด้วยประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.43,253
คดีความผิดฐานปลอมหนังสืออัยยการไม่มีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยคืนทรัพย์แทนผู้เสียหายโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมขึ้นมาถึงแม้ทางพิจารณาปรากฎว่าจำเลยทำการฉ้อโกง เมื่ออัยยการไม่ได้ฟ้องฐานนี้เแล้วก็ไม่มีสิทธิขอคืนทรัพย์ตามวิธีพิจารณาอาญา ม.43

ย่อยาว

จำเลยเป็นธรรมการอำเภอทำหนังสือปลอมเป็นใบสำคัญรับเงินของผู้มีสิทธิจะรับเงินค่าก่อสร้างโรงเรียนขึ้น ๓ ฉะบับนำไปยื่นต่อนายอำเภอเพื่อจ่ายเงิน นายอำเภอหลงเชื่ออนุญาตให้จำเลยรับเงิน ๑,๓๐๐ บาทไป จำเลยเอาเงินจำนวนนี้เป็นประโยชน์ตนเสีย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา ม.๒๒๒,๒๒๔ รวม ๓ กะทงรวมโทษจำคุกจำเลย ๔ ปี
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยควรมีความผิดตาม ม.๑๓๑,๒๒๕,๒๒๙ และขอให้ศาลสั่งให้จำเลยคืนทรัพย์ด้วย
ศาลฎีกาตัดสินว่า ม.๑๓๑ เป็นเรื่องเจ้าพนักงานยักยอก คดีนี้เป็นเรื่องปลอมใบรับเงินไปหลอกลวงเอาทรัพย์จึงไม่เข้ามาตรานี้ ส่วนเงินที่จำเลยเอาไปอัยยการฟ้องแทนได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมก็ต้องเข้า ม.๔๓ ประมวลวิธีพิจารณาอาญา อนึ่งจำเลยปลอมใบรับเงินของผู้อื่น ใบรับเงินนั้นแม้ทางราชการจะถือว่าเป็นใบสำคัญก็เป็นใบสำคัญของผู้มีสิทธิจะได้รับเงินไม่ใช่ในราชการและไม่อยู่ในหน้าที่ของจำเลยจะต้องทำใบรับนั้น คดีจึงไม่เข้า ม.๒๒๕ , ๒๒๙ ดังโจทก์อ้าง พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์

Share