แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 9วรรคสอง บัญญัติถึงกรณีมีปัญหาว่าคดีใดอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานหรือไม่ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาในศาลแรงงานหรือศาลอื่น ให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางเป็นผู้วินิจฉัย โดยให้คำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นที่สุด เมื่อจำเลยที่ 2 ถูกโจทก์ฟ้องให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ค้ำประกันการปฏิบัติงานของจำเลยที่ 1 ซึ่งได้ยกข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานเป็นประเด็นมาแต่เริ่มแรก ฉะนั้น การที่ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาคดีต่อไปแล้ววินิจฉัยเองว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นโดยไม่ส่งปัญหาไปให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยเสียก่อนนั้น จึงเป็นการไม่ชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน381,464.95 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 373,333.44บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน373,333.44 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน2540 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง (วันที่ 25 กุมภาพันธ์2541) มิให้คิดเกินกว่า 8,131.51 บาท ตามที่โจทก์ขอ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิเสนอคำฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลนี้โดยไม่ส่งปัญหาเรื่องอำนาจศาลไปให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยก่อนว่าคดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานหรือไม่ เป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 9 วรรคสอง บัญญัติว่าในกรณีมีปัญหาว่าคดีใดจะอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานหรือไม่ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาขึ้นในศาลแรงงานหรือศาลอื่น ให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางเป็นผู้วินิจฉัย คำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางให้เป็นที่สุด คดีนี้จำเลยที่ 2 ซึ่งถูกโจทก์ฟ้องให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ค้ำประกันการปฏิบัติงานของจำเลยที่ 1 ได้ยกข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานกลางเป็นประเด็นข้อพิพาทมาตั้งแต่ต้น กรณีจึงมีปัญหาเกิดขึ้นแล้วว่า คดีนี้จะอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานหรือไม่ ซึ่งตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 9 วรรคสอง บัญญัติให้เป็นอำนาจของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางที่จะวินิจฉัยแต่เพียงผู้เดียว ศาลชั้นต้นซึ่งรับฟ้องคดีนี้ไม่มีอำนาจวินิจฉัยเสียเองการที่ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาคดีต่อไป แล้ววินิจฉัยเสียเองว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นโดยไม่ส่งปัญหาดังกล่าวไปให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยเสียก่อน จึงเป็นการไม่ชอบ อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น
อนึ่ง คดีนี้จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ แต่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายอันเป็นการชำระหนี้ที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นผู้อุทธรณ์เพียงผู้เดียว ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ประกอบด้วยมาตรา 247”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยเสียก่อนว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลแรงงานกลางหรือไม่แล้วให้ดำเนินการต่อไป