คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2534

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามบัญชีระบุพยานจำเลยอ้าง ส. ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานครเป็นพยานหมาย แต่ในวันสืบพยานจำเลยนัดแรก ไม่ปรากฏว่าจำเลยขอให้ศาลออกหมายเรียก ส. มาศาลจำเลยได้รับรองต่อศาลว่าจะไม่เลื่อนคดีอีกและจะนำพยาน มาพร้อมกันทั้งหมด เมื่อถึงวันนัดจำเลยขอเลื่อนคดี โดยเหตุผลที่ไม่สามารถนำพยานมาศาลได้ย่อมเป็นการประวิงให้การพิจารณาเป็นไปโดยล่าช้าอย่างชัดแจ้ง การที่ศาลมีคำสั่งให้ตัดและงดสืบ ส.พยานจำเลยจึงชอบแล้ว โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อสินค้าจากโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลย ติดต่อซื้อสินค้าจากโจทก์แทนบริษัท น. โจทก์ชอบที่จะฟ้องเรียกค่าสินค้าจากบริษัท น. ซึ่งเป็นตัวการจึงเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่เพื่อให้พ้นความรับผิด จำเลยมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้าง จำเลยเป็นผู้ติดต่อขอซื้อสินค้าจากโจทก์ โดยนำตั๋วปูนซิเมนต์ของจำเลยไปวางเป็นประกัน ทั้งยังให้โจทก์ส่งสินค้าและลงรายการยอดซื้อค้างชำระในนาม ของจำเลย รวมทั้งเป็นผู้ชำระราคาและเก็บเอกสารการรับเงินไว้ไม่มีข้อความใดในเอกสารพาดพิงถึงบริษัท น. หากจำเลยชำระราคาสินค้าแทนบริษัท น. จำเลยก็ชอบที่จะส่งมอบเอกสารให้แก่บริษัท น. เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน แม้จำเลยชำระราคาสินค้าด้วยเช็คของบริษัท น. ก็ปรากฏว่าจำเลยมีสิทธิรับเช็คจากบริษัท น. เป็นค่าจ้างแล้วนำมาชำระหนี้ของตนได้อีกต่อหนึ่งการที่พนักงานของบริษัท น.นำเช็คฉบับใหม่ไปเปลี่ยนเช็คที่ไม่ผ่านการชำระเงินก็เป็นเรื่องที่ผู้ออกเช็คควรต้องไปผัดผ่อนหนี้ตามเช็คของตนข้อเท็จจริงไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำแทนผู้อื่น จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน 120,906.41 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยให้การว่าจำเลยได้รับมอบหมายจากบริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัด ให้เป็นผู้ซื้อสินค้าจากโจทก์จึงชอบที่โจทก์จะไปฟ้องเรียกค่าสินค้าจากบริษัทดังกล่าว ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 120,906.41 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงิน 115,148.91บาท นับตั้งแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีประเด็นในชั้นฎีกาว่าที่ศาลล่างทั้งสองให้ตัดและงดสืบพยานจำเลยปากนางสุกัญญา สุรภักดีเสียนั้น ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสองหรือไม่ และจำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์หรือไม่ ค้างชำระราคาแก่โจทก์หรือไม่ เพียงใด ซึ่งศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยฎีกาของจำเลยต่อไปตามลำดับประเด็นว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดพยานจำเลยและให้งดสืบพยานเสียนั้น เห็นว่า ตามบัญชีระบุพยานจำเลยได้ระบุอ้างพยานปากนี้ไว้ว่ามีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานครและเป็นพยานหมาย ซึ่ง หมายความว่าจำเลยไม่สามารถนำพยานปากนี้มาศาลได้ เว้นแต่จะขอให้ศาลออกหมายเรียกมา ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลยนัดแรกวันที่ 13 พฤศจิกายน2529 ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานปากนี้มาศาลครั้นเมื่อศาลชั้นต้นเลื่อนการพิจารณาสืบพยานจำเลยไปเป็นวันที่ 15ธันวาคม 2529 จำเลยก็ได้รับรองต่อศาลว่าจะไม่เลื่อนคดีอีก และจะนำพยานทุกปากมาพร้อมกัน และศาลได้กำชับไว้แล้วว่าจะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีอีก จำเลยรับรองต่อศาลเช่นนี้โดยรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถนำพยานมาศาลได้ตามบัญชีระบุพยาน เมื่อถึงวันนัดจำเลยขอเลื่อนคดีโดยเหตุผลที่ไม่สามารถนำพยานมาศาลได้อีก ย่อมเป็นการประวิงให้การพิจารณาเป็นไปโดยล่าช้าอย่างชัดแจ้ง ศาลล่างทั้งสองให้ตัดพยานจำเลยปากนี้เสียชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ส่วนประเด็นว่าจำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์หรือไม่นั้น คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยติดต่อซื้อท่อระบายน้ำจากโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยติดต่อซื้อท่อระบายน้ำจากโจทก์แทนบริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์จำกัด โจทก์ชอบที่จะฟ้องเอาค่าท่อระบายน้ำจากบริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัด ซึ่งเป็นตัวการ อันเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่เพื่อให้พ้นความรับผิด จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้าง ฉะนั้นศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานในคดีนี้ตามหน้าที่นำสืบที่ถูกต้องต่อไป แต่พยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบนั้นหามีข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์แก่จำเลยไม่เริ่มแต่การที่จำเลยติดต่อขอซื้อท่อระบายน้ำจากโจทก์ จำเลยนำสืบว่าจำเลยต้องนำตั๋วปูนซิเมนต์ของจำเลยซึ่งมีราคาถึง 99,840 บาทไปวางเป็นประกันไว้ต่อโจทก์ กรณีนี้ถ้าจำเลยติดต่อซื้อท่อระบายน้ำจากโจทก์แทนบริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัด จำเลยควรเกี่ยวให้บริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัด หาประกันมาวางต่อโจทก์มากกว่าที่จำเลยจะต้องเป็นผู้วางหลักประกันเองและถ้าจำเลยติดต่อซื้อท่อระบายน้ำแทนบริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัด แล้วจำเลยควรแจ้งให้โจทก์ส่งของที่ซื้อในนามของบริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัดหาใช่ส่งของในนามของจำเลย ตามเอกสารหมาย จ.2-จ.14 กับ จ.17-จ.22 ไม่ และการคิดบัญชียอดขายก็เช่นเดียวกัน จำเลยควรจะแจ้งให้โจทก์ลงชื่อบริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัด เป็นผู้ซื้อหรือลูกหนี้ หาใช่ลงชื่อจำเลยตามเอกสารหมาย จ.15-จ.16 และ จ.23 นั้นไม่ การที่จำเลยยอมให้โจทก์ส่งของที่ซื้อในนามของจำเลยและลงรายการยอดซื้อค้างชำระในนามของจำเลย โดยไม่มีข้อความใดหรือหมายเหตุพาดพิงถึงบริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัดเข้ามาเกี่ยวข้องเลยเช่นนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้ติดต่อสั่งซื้อสินค้าในนามของบริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัดส่วนราคาสินค้างวดก่อน ๆ ที่จำเลยอ้างว่าบริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์จำกัด ได้ชำระให้โจทก์เองตามเอกสารหมาย ล.3 และ ล.4 นั้นในเอกสารดังกล่าวก็ไม่ปรากฏว่าบริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัดเป็นผู้ชำระ ทั้งข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ชำระราคาสินค้าดังกล่าวนั้นแล้วเก็บเอกสารที่อ้างไว้เอง จึงเชื่อไม่ได้ว่าจำเลยชำระราคาสินค้าดังกล่าวนั้นแทนบริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัดเพราะถ้าจำเลยชำระแทนบริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัด จำเลยก็ชอบที่จะส่งมอบเอกสารการรับเงินให้แก่บริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัดเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน แม้จำเลยจะชำระราคาสินค้าดังกล่าวด้วยเช็คของบริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัด ก็ตาม เนื่องจากจำเลยทำงานให้บริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัด จึงมีสิทธิรับเช็คจากบริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัด เป็นค่าจ้างแล้วจำเลยนำมาชำระหนี้ของตนได้อีกต่อหนึ่ง ส่วนที่จำเลยอ้างว่าเมื่อเช็คที่จำเลยนำไปชำระไม่ผ่านการชำระเงิน นางสุกัญญา สุรภักดี ซึ่งทำงานให้บริษัทนอร์ทเธิร์นครอสส์ จำกัด ก็เป็นผู้นำเช็คไปเปลี่ยนให้โจทก์เองนั้น เห็นว่า ผู้ออกเช็คแล้วไม่มีเงินจ่ายตามเช็คก็ควรที่จะต้องไปผัดผ่อนและนำเช็คไปเปลี่ยนเอง กรณีน่าเชื่อว่าการที่นางสุกัญญานำเช็คไปเปลี่ยนให้โจทก์เป็นการผัดผ่อนหนี้ตามเช็คของตนหาเป็นการผัดผ่อนหนี้ค่าสินค้าเดิมนั้นไม่ พยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำแทนผู้อื่น จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง
พิพากษายืน

Share