แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยจะอ้างในคำให้การต่อสู้คดีว่าการสมรสระหว่างจำเลยกับบุคคลอื่นเป็นโมฆะหรือโมฆียะไม่ได้ นอกจากศาลพิพากษาว่าเป็นเช่นนั้น
การเพิกถอนการสมรสมีผลแต่เวลาที่+คำพิพากษาถึงที่สุด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1496 โดยอนุโลมตามมาตรา +
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ประกอบพิธีสมรสกับจำเลยและได้จดทะเบียนสมรสกับจำเลย + ที่ว่าการอำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี ทะเบียนเลขที่ + /+ ต่อมาไม่ถึงเดือน โจทก์ได้ทราบว่าจำเลยได้เคยจดทะเบียนสมรสกับนายไพฑูรย์มาก่อน ตามทะเบียนเลขที่ ก.๑/๑ ของสำนักงานทะเบียนอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ การจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นการผิดประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา +(๓) และ ๑๔๕๑+ เป็นโมฆะตามมาตรา ๑๔๙๐ ของให้ศาลพิพากษาว่า ทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ
จำเลยหใ้การว่า การจดทะเบียนสมรสครั้งแรกระหว่างนายไพฑูรย์กับจำเลยนั้นจำเลยกระทำไปโดยถูกข่มขู่หลอกลวงและโดยความสำคัญผิดของจำเลยซึ่งไม่ทราบว่าเป็นทะเบียนสมรส ขณะจดทะเบียนสมรส จำเลยก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ การสมรสระหว่างนายไพฑูรย์กับจำเลยจึงเป็นโมฆียะ ขณะนี้บิดาของจำเลยได้ฟ้องเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสระหว่างนายไพฑูรย์กับจำเลยและอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลแพ่ง ขอให้ยกฟ้อง
คู่ความรับกันว่า ขณะที่จำเลยจดทะเบียนสมรสกับโจทก์นั้น จำเลยได้จดทะเบียนสมรสครั้งแรกอยู่กับนายไพฑูรย์และทะเบียนสมรสนั้นยังอยู่ ไม่ปรากฎว่าศาลได้เพิกถอน ฝ่ายจำเลยขอให้ศาลรอฟังผลของคดีแพ่งซึ่งบิดาจำเลยได้ฟ้องนายไพฑูรย์ ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนสมรสดังกล่าวอยู่ หากคดีนั้นผลเป็นประการใด จำเลยขอถือตามผลของคดีนั้น ฝ่ายโจทก์ว่าไม่ควรต้องรอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป และวินิจฉัยว่าขณะที่จำเลยจดทะเบียนสมรสกับโจทก์นั้น จำเลยได้จดทะเบียนสมรสครั้งแรกอยู่กับนายไพฑูรย์และทะเบียนสมรสนั้นไม่ปรากฎว่าศาลได้เพิกถอน จึงถือว่าขณะโจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสนั้น จำเลยยังเป็นคู่สมรสของบุคคลอื่น เป็นการผิดบทบัญญัติมาตรา +(๓) และถือว่าเป็นโมฆะตามมาตรา + พิพากษาว่า ทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยจะอ้างในคำให้การต่อสู้คดีว่า การสมรสระหว่างจำเลยกับนายไพฑูรย์เป็นโมฆะหรือโมฆียะไม่ได้ นอกจากศาลจะพิพากษาว่าเป็นเช่นนั้น โดยเหตุนี้ ขณะใดที่ศาลยังไม่ได้พิพากษาว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างจำเลยกับนายไพฑูรย์เป็นโมฆียะแล้วก็ต้องถือว่า เวลาจำเลยจดทะเบียนสมรสกับโจทก์คดีนี้ จำเลยยังเป็นคู่สมรสของขายอื่นอยู่ ฉะนั้น การจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นโมฆะ ฯลฯ
ฎีกาจำเลยขอให้รอคดีนี้ไว้ก่อนหรือฟังผลลงคดีแห่งซึ่งบิดาจำเลยกำลังฟ้องไว้นั้น ฯลฯตามบทบัญญามาตรา + กล่าวว่า เมื่อมีการเพิกถอนการสมรส ให้นำบทบัญญัติอันว่าด้วยการขาดจากการสมรสโดยการหย่าตามคำพิพากษาของศาลมาบังคับโดยอนุโลม ส่วนการหย่าตามคำพิพากษาของศาลดังกล่าวนี้ จะมีผลแต่เวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุดตามมาตรา + ฉะนั้น +++ดังกล่าวศาลพิพากษาให้เพิกถอนการสมรสระหว่างจำเลยกับนายไพฑูรย์แล้ว ก็มีผลตั้งแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุด ซึ่งเป็นการ+หลังการจดทะเบียนสมรสในคดีนี้ อันเป็นโมฆะไปก่อนแล้วนั้นเอง การเพิกถอนการสมรสระหว่างจำเลยกับนายไพฑูรย์+++แต่แรกเริ่มดังที่จำเลยฎีกาไม่
พิพากษายืน.