แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นเจ้าของเตาเคี่ยวน้ำตาลหรือนายยามจำเลยได้ตกลงขอเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลที่เตาของโจทก์ โดยผลัดเปลี่ยนกันเข้ายาม ในระหว่างที่จำเลยเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลอยู่นั้น โจทก์ได้เอาน้ำตาลใสส่วนของโจทก์และของคนอื่น ๆ ที่เป็นลูกยามส่งมอบให้จำเลยเคี่ยว เมื่อจำเลยออกยามไปแล้ว มีหน้าที่ต้องทำน้ำตาลใสใช้หนี้โจทก์จนกว่าจะหมดหนี้ แต่จำเลยหาปฏิบัติไม่ กลับเลิกทำน้ำตาลเสีย ดังนี้ แม้หนี้รายนี้จะเป็นของลูกยามอื่นอยู่ด้วย โจทก์ผู้เป็นนายยามก็ย่อมฟ้องได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นหุ้นส่วนกัน โจทก์เป็นเจ้าของเตาเคี่ยวน้ำตาล จำเลยได้ไปขอเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลที่เตาของโจทก์ ๆ ก็รับจำเลยไว้เป็นลูกยาม และผลัดเปลี่ยนกันเคี่ยวน้ำตาลและใช้หนี้น้ำตาล ครั้งหลังที่สุดโจทก์ได้จัดให้จำเลยเข้ายาม ๓ เดือน จำเลยก็ออกยามไป ระหว่างจำเลยเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลอยู่นั้น โจทก์ได้เอาน้ำตาลใสส่วนของโจทก์และของคนอื่นที่เป็นลูกยามส่งมอบให้จำเลยเคี่ยวรวมทั้งสิ้น เป็นน้ำตาล ๑๘๐๐ ไห และตามธรรมเนียมของการเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลถือว่าจำเลยเป็นหนี้น้ำตาลใสโจทก์ ๑๘๐๐ ไห และจะต้องใช้หนี้ในระยะเวลาต่อเนื่องกับระยะเวลาที่จำเลยออกยามไป เมื่อจำเลยออกยามไปแล้ว จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งน้ำตาลใสใช้หนี้โจทก์เป็นรายวัน แต่จำเลยกลับเลิกทำน้ำตาลเสีย จึงขอให้บังคับจำเลยใช้หนี้น้ำตาลใสเป็นรายวัน ๆ ละ ๔๐ ไห จนครบ ๑๘๐๐ ไห หากไม่สามารถใช้ได้ให้ใช้ราคา ๔๕๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธคำฟ้องของโจทก์ และว่าหนี้ตามฟ้องเป็นหนี้ระหว่างบุคคลหลายคน ไม่ปรากฎหว่าโจทก์ไม่ได้รับมอบหมายจากบุคคลอื่น ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ ๒ ให้การรับว่าตามฟ้องโจทก์เป็นความจริง
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยที่ ๑ ได้ไปตกลงขอเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลที่เตาโจทก์จริง แต่โจทก์นำสืบไม่ชัดเจนพอว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์เท่าไร จึงไม่มีทางบังคับให้ตามคำขอของโจทก์ได้พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ ๑ ได้เข้ายามเคี่ยวน้ำตาลที่เตาของโจทก์ ซึ่งเป็นนายยามจริง แต่ข้อที่ว่าจำเลยยังมีหน้าที่จะต้องส่งน้ำตาลใสอันเป็นหนี้ซึ่งจำต้องรับผิดอยู่หรือไม่เท่าใดนั้น คดีได้ความจากตัวโจทก์และบรรดาลูกยามคนอื่น ๆ กับยังมีบัญชีจดไว้ บัญชีนี้แม้โจทก์จะจดไว้ฝ่ายเดียว แต่โจทก์และบรรดาลูกยามก็ให้การรับรองอยู่ คำให้การของจำเลยหาได้คัดค้านความในข้อนี้หรือสืบหักล้างแต่ประการใดไม่ คดีจึงฟังได้ว่า จำเลยได้เป็นลูกหนี้ในการส่งน้ำตาลใสอยู่จริงตามจำนวนที่โจทก์สืบมา แม้หนี้รายนี้จะเป็นหนี้ของลูกยามอื่นอยู่ด้วย โจทก์ผู้เป็นนายยามก็ย่อมฟ้องได้
พิพากษายืน.