คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ชายและหญิงทำพิธีแต่งงานและอยู่กินร่วมกันฉันท์สามีภรรยามาเป็นเวลา 6 เดือน และเป็นความประสงค์ของทั้งสองฝ่ายที่ไม่ต้องการจดทะเบียนสมรส ชายจะอ้างว่าหญิงผิดสัญญาเพราะเหตุไม่ยอมจดทะเบียนสมรสนั้นไม่ได้
เงินของขวัญและสิ่งของของขวัญที่ชายหญิงได้รับในวันแต่งงาน ชายหญิงนั้นย่อมเป็นเจ้าของร่วมกัน เมื่อชายหญิงได้เอาเงินของขวัญใช้จ่ายร่วมกันเป็นค่าเลี้ยงแขกในวันแต่งงานหมดแล้ว ชายจะมาฟ้องเรียกเอาส่วนครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินของขวัญนั้นไม่ได้ ส่วนสิ่งของของขวัญ เมื่อได้ความว่าอยู่กับหญิงเช่นนี้ ชายย่อมฟ้องเรียกเอาครึ่งหนึ่งได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นบุตรของจำเลยที่ ๒-๓ บิดามารดาโจทก์ได้ไปสู่ขอจำเลยที่ ๑ ต่อจำเลยที่ ๒-๓ เพื่อให้จำเลยที่ ๑ สมรสกับโจทก์ จำเลยทั้งสองยินยอม เมื่อได้ทำพิธีแต่งงานและอยู่กินกันอย่างสามีภรรยาแล้วจำเลยที่ ๑ ไม่ยอมจดทะเบียนสมรส จำเลยที่ ๒ ,๓ ก็หาเหตุกีดกันไม่ยอมให้จำเลยที่ ๑ จดทะเบียนสมรส โจทก์ถือว่าจำเลยผิดสัญญาไม่ยอมสมรสกับโจทก์ จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยคืนสินสอด ๓,๐๐๐ บาท ทองหมั้นหนัก ๕ บาทราคา ๒,๕๐๐ บาท กับเงินหมั้น ๕๐๐ บาท หากคืนของไม่ได้ให้ใช้ราคา ๒,๕๐๐ บาท กับให้จำเลยแบ่งเงินของขวัญวันแต่งงานให้ครึ่งหนึ่ง ๑,๒๒๕.๕๐ บาท และแบ่งสิ่งของขวัญให้ครึ่งหนึ่ง หากแบ่งไม่ได้ให้ชำระราคา ๓๖๐ บาท และดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามต่อสู้ว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินและของหมั้นคืน เพราะจำเลยมิได้ผิดสัญญาเงินสินสอดก็เรียกคืนไม่ได้เพราะการสมรสได้เกิดขึ้นแล้ว เงินและของขวัญซึ่งได้จากแขกในงานเลี้ยง จำเลยย่อมมีสิทธิในเงินและของขวัญเฉพาะเงิน ได้จ่ายในงานเลี้ยงหมดสิ้นแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การสมรสจะสมบูรณ์ต่อเมื่อได้จดทะเบียนสมรสแล้ว โจทก์และจำเลยที่ ๑ แต่งงานโดยไม่ยอมจดทะเบียนสมรส การสมรสจึงไม่สมบูรณ์ แม้จะได้มีพิธีแต่งงานตามประเพณีแล้วก็ตาม ฝ่ายจำเลยต้องรับผิด พิพากษาให้จำเลยที่ ๑-๒-๓ คืนของหมั้น เงิน ๕๐๐ บาท ทองหนัก ๕ บาทราคา ๒,๕๐๐ บาทสินสอด ๓,๐๐๐ บาทให้แก่โจทก์ ส่วนเงินของขวัญได้ใช้จ่ายเป็นค่าเลี้ยงแขกหมดแล้ว เรียกคืนไม่ได้ และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีในจำนวนเงินที่โจทก์จะได้รับ
โจทก์และจำเลยทุกคนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าในวันแต่งงาน มีการเชิญแขกมาในงานเงินของขวัญและสิ่งของของขวัญที่ได้รับจากแขกนี้ โจทก์และจำเลยที่ ๑ ย่อมเป็นเจ้าของร่วมกัน แต่เงินของขวัญได้จ่ายร่วมกันในระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ เป็นค่าเลี้ยงแขกในวันแต่งงานหมดแล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาในข้อเงินของขวัญชอบแล้ว ส่วนสิ่งของของขวัญมีราคา ๘๐๐ บาทมีอยู่ที่จำเลยที่ ๑จริง แต่โจทก์ขอสิ่งของของขวัญเพียงครึ่งหนึ่งเป็นเงิน ๓๖๐ บาท จึงต้องให้เท่าที่โจทก์ขอ พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ ๑ แบ่งสิ่งของของขวัญให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง ถ้าแบ่งไม่ได้ ให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงิน ๓๖๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีให้โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์กับจำเลยที่ ๑ ได้อยู่กินร่วมกันฉันท์สามีภรรยามาเป็นเวลา ๖ เดือน และเป็นความประสงค์ของทั้งสองฝ่ายที่ไม่ต้องการจดทะเบียนสมรส จะว่าฝ่ายจำเลยผิดสัญญาเพราะเหตุที่ไม่จดทะเบียนสมรสไม่ได้ เมื่อเช่นนี้ โจทก์จะเรียกค่าหมั้นและสินสอดคืนไม่ได้ ส่วนค่าของขวัญที่มีผู้ให้ในการแต่งงานนั้น ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยต่างเป็นเจ้าของร่วมและพิพากษามาชอบด้วยเหตุผลแล้ว พิพากษายืน

Share