แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยจ้างบริษัทจำเลยผลิตข่าว โจทก์ทำงานกับจำเลยในฐานะบรรณาธิการข่าว เรียบเรียงข่าวผู้ประกาศข่าว โจทก์มีหน้าที่ผลิตข่าวให้มีคุณภาพ ต้องมาเรียบเรียงข่าวให้ทันกับเวลาของรายการ แต่จำเลยมีอำนาจเปลี่ยนแปลงเวลาทำงานได้ โจทก์ได้รับค่าจ้างเฉพาะวันที่ทำงาน ไม่มีสิทธิได้รับสวัสดิการใด ๆ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลของจำเลยไม่มีอำนาจบังคับบัญชาการทำงานของโจทก์ ดังนี้ แม้โจทก์ตกลงผลิตข่าวให้แก่จำเลยโดยได้รับสินจ้างเพื่อการนั้นก็ตาม แต่โจทก์ปฏิบัติงานโดยอิสระ ไม่ได้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของจำเลยอันเป็นลักษณะของสัญญาจ้างแรงงานประการหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 สัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยจึงมิใช่สัญญาจ้างแรงงาน แต่เป็นสัญญาจ้างทำของ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำตำแหน่งสุดท้ายเป็นผู้อ่านข่าวและสื่อข่าวของจำเลย ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ ๒๕,๐๐๐ บาท ต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิด ไม่บอกกล่าวล่วงหน้าขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยว่าจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำลักษณะงานของโจทก์ไม่ถือว่าโจทก์เป็นลูกจ้าง โจทก์หยุดงานไปเอง โจทก์มีความสัมพันธ์กับจำเลยในฐานะผู้รับจ้างทำของได้รับค่าจ้างโดยคำนวณจากผลงานไม่ได้รับค่าจ้างตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลย มีลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์อุทธรณ์ว่าการที่จำเลยตกลงจ้างโจทก์ ได้มีการตกลงเกี่ยวกับลักษณะของงานกันก่อนแล้ว การตกลงจ้างทำงานดังกล่าวเป็นสัญญาจ้างแรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๗๕ มิใช่สัญญาจ้างทำของตามมาตรา ๕๘๗ โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ ๒ โจทก์จึงได้รับความคุ้มครองตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์กับนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา และนายสมเกียรติ อ่อนวิมล ได้ตกลงทำการผลิตรายการข่าว โดยจะมีการแบ่งผลประโยชน์ให้ ต่อมาวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ โจทก์เริ่มเข้าทำงานกับบริษัทแปซิฟิค อินเตอร์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด จำเลยซึ่งมีนายปีย์และนายสมเกียรติ กับพวกรวม ๗ คน เป็นกรรมการตามหนังสือรับรองท้ายคำให้การ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๘ องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยได้จ้างบริษัทจำเลยผลิตข่าวโจทก์ทำงานในฐานะบรรณาธิการข่าว เรียบเรียงข่าว ผู้ประกาศข่าวในรายการข่าวทันโลก ซึ่งออกรายการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ และเป็นผู้ประกาศข่าวเฉพาะวันจันทร์ถึงวันพุธ และทำหน้าที่ประกาศข่าวภาค ๒๐ นาฬิกาของวันเสาร์และอาทิตย์ด้วย โจทก์มีหน้าที่ผลิตข่าวให้มีคุณภาพเป็นที่นิยมของประชาชน โดยต้องมาทำการเรียบเรียงข่าวให้ทันกับเวลาของรายการแต่จำเลยมีอำนาจเปลี่ยนแปลงเวลาทำงานเพื่อให้เหมาะสมกับเวลาของรายการ โจทก์ได้รับค่าจ้างเฉพาะวันที่ทำงานไม่มีสิทธิได้รับสวัสดิการใด ๆ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลของจำเลยไม่มีอำนาจบังคับบัญชาการทำงานของโจทก์ระหว่างโจทก์ทำงานกับจำเลย โจทก์ยังเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดซี.อาร์.เอส.เอนเทอร์เทนเม้นท์ และห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวได้ออกใบเสร็จรับเงินเป็นค่าเขียนบทโทรทัศน์ในเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม ๒๕๒๘ กับเดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๒๙ให้จำเลยและศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าลักษณะงานของโจทก์เป็นงานที่ต้องอาศัยคุณสมบัติเฉพาะตัว จำเลยไม่มีอำนาจที่จะบังคับบัญชาการทำงานของโจทก์ ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นเรื่องโจทก์รับผลิตข่าวให้แก่จำเลยและรับค่าจ้างจากการนั้นโจทก์เป็นผู้รับจ้างทำของมิใช่ลูกจ้างประจำนั้นศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางฟังเป็นยุติมาแล้ว แม้ได้ความว่า โจทก์ตกลงจะทำงานให้จำเลยโดยตกลงรับผลิตข่าวให้แก่จำเลย และจำเลยตกลงจะให้สินจ้างแก่โจทก์ก็ตามแต่โจทก์ปฏิบัติงานโดยอิสระ ไม่ได้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของจำเลยอันเป็นลักษณะของสัญญาจ้างแรงงานประการหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๘๓ ที่บัญญัติว่า’ถ้าลูกจ้างจงใจขัดคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมาย ก็ดีละเลยไม่นำพาต่อคำสั่งเช่นว่านั้นเป็นอาจิณ ก็ดี ฯลฯ ท่านว่านายจ้างจะไล่ออกโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือให้สินไหมทดแทนก็ได้’ เช่นนี้ สัญญาจ้างให้โจทก์ทำงานตามลักษณะงานดังกล่าว จึงมิใช่เป็นสัญญาจ้างแรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากแต่เป็นสัญญาที่โจทก์ผู้รับจ้างตกลงจะทำการผลิตข่าวจนสำเร็จให้แก่จำเลยผู้ว่าจ้าง และจำเลยตกลงจะให้สินจ้างเพื่อผลสำเร็จแห่งการที่ทำนั้นตาม มาตรา ๕๘๗
พิพากษายืน.