คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10224/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เช่าซื้อรถจักรยานยนต์จากโจทก์และจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ต่อมาจำเลยที่ ๑ ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อเป็นเหตุให้สัญญาเช่าซื้อระงับสิ้นไปขอให้บังคับจำเลยทั้งสองส่งมอบรถจักรยานยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ หากส่งมอบคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนให้ใช้ค่าขาดประโยชน์ และค่าเสียหาย จำเลยที่ ๑ ให้การปฎิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญาเช่าซื้อ จำเลยที่ ๒ ให้การปฎิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญาค้ำประกัน จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง ฉะนั้น ประเด็นเรื่องค่าเสียหายของโจทก์มีหรือไม่เพียงใดจึงเกิดจากการที่จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ไว้ดังกล่าวเท่านั้น เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วว่า จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาเช่าซื้อและจำเลยที่ ๒ ทำสัญญาค้ำประกันตามฟ้องข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสองที่ว่าจำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดตามฟ้องแก่โจทก์จึงเป็นอันตกไป จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ส่วนจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเพียงใดนั้น ก็ต้องพิจารณาจากค่าเสียหายตามฟ้องโจทก์ว่าสมควรให้จำเลยทั้งสองรับผิดแก่โจทก์เพียงใด จะนำข้อนำสืบของจำเลยทั้งสองมาวินิจฉัยเพื่อเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์หาได้ไม่ เพราะประเด็นข้อพิพาทในเรื่องนี้หามีไม่ ที่ศาลชั้นต้นนำมาวินิจฉัยจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา ๑๔๒ เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วฟังว่าโจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย พิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ในปัญหาดังกล่าวจึงเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย

Share