คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จะลงโทษบุคคลฐานพยายามฆ่าคนนั้นข้อเท็จจริงจะต้องให้ได้ความว่าจำเลยได้มีเจตนากระทำการเพื่อฆ่า ฉะนั้นที่จำเลยถือปืนส่ายไปมาต่อหน้าคนหมู่มากแล้วกระสุนลั่นออกโดยไม่มีใครเห็นว่าจำเลยได้จ้องยิง คดีย่อมมีทางส่อให้วินิจฉัยได้ว่า จำเลยประมาทเลินเล่อทำปืนลั่นออกไปโดยไม่มีเจตนาจะเหนี่ยวไกปืน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนยิงนายสนั่น เล็กโล่งและกระสุนได้ทะลุไปถูกนายก๊าบ หลวงทิพย์ ทั้งนี้โดยจำเลยมีเจตนาจะฆ่านายสนั่น เล็กโล่งให้ตายหากแต่กระสุนปืนไม่ถูกส่วนสำคัญของร่างกาย การกระทำของจำเลยจึงไม่บรรลุผลสมเจตนา นายสนั่นและนายก๊าบจึงเพียงแต่ได้รับบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83, 295, 297

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยทำปืนลั่นไปถูกผู้บาดเจ็บโดยประมาท เป็นความผิดคนละฐาน ให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าคนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด10 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จริงอยู่การที่จำเลยชักปืนพกออกมาแนบตัวส่ายไปมาแบบนักเลงโต แล้วปืนนั้นลั่นออกไปในคนหมู่มากประมาณ 30 คนเช่นนี้ เป็นการที่พาลเลวทรามควรแก่การปราบปรามอย่างยิ่ง แต่การที่จะลงโทษบุคคลฐานพยายามฆ่าคนนั้น ข้อเท็จจริงจะต้องให้ได้ความว่าจำเลยได้มีเจตนากระทำการเพื่อฆ่าคนในกรณีนี้ศาลจึงจำต้องพิเคราะห์ว่า จำเลยได้มีเจตนาเหนี่ยวไกปืนเพื่อลั่นกระสุนออกไปหรือไม่ศาลฎีกาใคร่ครวญแล้วเห็นว่า ถ้าจำเลยตั้งใจเหนี่ยวไกปืนเพื่อลั่นกระสุนแล้ว ปากกระบอกปืนก็น่าจะหันไปทางบุคคลที่เป็นคู่วิวาทกับพวกของจำเลยแต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า กระสุนไปถูกนายสนั่นและนายก๊าบ ซึ่งอยู่ห่างกับคู่วิวาทถึง 5 วา สันนิษฐานว่าเป็นคนละทางพยานโจทก์ต่างก็เบิกความว่า จำเลยถือปืนส่ายไปมาแล้วกระสุนก็ลั่นออกไม่มีใครได้เห็นว่าจำเลยได้จ้องยิง ผู้เสียหายทั้งสองคนก็ชอบพอกับจำเลย ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันอย่างไร คดีมีทางส่อให้วินิจฉัยได้ว่าจำเลยประมาทเลินเล่อทำปืนลั่นออกไปโดยไม่มีเจตนาจะเหนี่ยวไกปืนลั่นกระสุน ควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลย

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share