แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งหมดได้แต่งตั้งให้ทนายคนเดียวกันเป็นทนายของจำเลยทุกคน ทนายจำเลยเป็นผู้ลงนามในฟ้องฎีกา ต้องถือว่าเป็นฟ้องฎีกาของจำเลย ผู้ที่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วและได้ยื่นฎีกาภายในกำหนดเท่านั้น
ศาลชั้นต้นยกฟ้องเพราะฟ้องของโจทก์ไม่เป็นองค์แห่งความผิด ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์เป็นองค์แห่งความผิด ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่ จำเลยฎีกา มิได้คัดค้านว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มิได้ถูกต้องตรงไหน กลับเสนอข้อเท็จจริงที่ต่างนำสืบมาว่า จะควรฟังอย่างไร ดังนี้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ศาลล่างยังไม่ได้วินิจฉัย
ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 5 มิถุนายน 2491 ยื่นฎีกาวันที่ 5 กรกฎาคม 2491 หาขาดอายุความไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันมีดคไว้ในครอบครองโดยไม่มีหลักฐานทางทะเบียนในการโอนสัตว์พาหนะ และไม่สามารถแสดงความบริสุทธิได้ ของให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องของโจทก์ไม่ครบเกณฑ์จะเอาผิดแก่จำเลยได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริง พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องของโจทก์ถูกต้องแล้ว ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องฎีกานั้นทนายจำเลยเป็นผู้ลงนามในฟ้องฎีกา และปรากฏตามใบแต่งทนายว่า จำเลยทั้งห้าได้แต่งให้ทนายคนเดียวกันเป็นทนายของจำเลยทุกคนตามใบแต่งทนาย ให้มีอำนาจตลอดถึงการอุทธรณ์ฎีกาด้วย จำเลยที่ ๑ ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๔๙๑ ทนายจำเลยยื่นฟ้องฎีกาเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๔๙๑ จำเลยที่ ๓, ๔ ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หลังจากทนายจำเลยยื่นฟ้องฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งในรายงานพิจารณาว่า ถ้าจะยื่นฎีกาให้ยื่นภายใน ๑ เดือนนับจากวันได้ฟัง แล้วจำเลยที่ ๓, ๔ ไม่ได้ยื่น จำเลยที่ ๒ และที่ ๕ ไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ต้องถือว่าจำเลยที่ ๑ ผู้เดียวฎีกา
ฟ้องฎีกาของทนายจำเลยมิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องตรงไหน กลับเสนอข้อเท็จจริงที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบกันมาว่า ควรจะฟังอย่างไรทั้งสิ้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงซึ่งศาลล่างยังไม่ได้วินิจฉัย
พิพากษายืน