คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้ลูกจ้างไปชำระค่าอากรเพื่อรับสินค้าต่อกรมศุลกากร และได้รับสินค้าไปแล้ว แต่กรมศุลกากรไม่ได้รับชำระค่าอากรจำนวนนั้น ถ้าลูกจ้างของจำเลยได้ชำระค่าอากรแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรเอาเงินนั้นไว้เอง ไม่ส่งให้แก่กรมศุลกากรจำเลยก็ไม่ต้องรับผิดชำระค่าอากรนั้น แต่ถ้าลูกจ้างของจำเลยไม่ได้ชำระเงินนั้นให้แก่เจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากร แม้จะเป็นโดยเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรร่วมทุจริตด้วย ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิด เพราะจำเลยต้องรับผิดชอบในการกระทำของลูกจ้างซึ่งเป็นตัวแทนที่จำเลยใช้ในการชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 220

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอให้เรียกจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๒ ขอให้เรียกจำเลยที่ ๓ เข้าเป็นจำเลยร่วม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ สั่งนำเชื้อโคคาโคล่าเข้ามาในประเทศไทย จำเลยที่ ๑ มอบให้ จำเลยที่ ๒ จัดการรับสินค้านั้นแทน โดยนายชาลีและจำเลยที่ ๓ เป็นผู้ดำเนินการ นายชาลีและจำเลยที่ ๓ ทำใบรับสินค้าปลอมยื่นรับสินค้าไป ขอให้จำเลยชำระเงินค่าอากรและดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ชำระค่าอากรแล้ว โดยจำเลยที่ ๒ ทำการแทน
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า ได้เป็นตัวแทนรับสินค้าแต่ได้ชำระค่าอากรตามระเบียบและรับสินค้ามาถูกต้องแล้ว
จำเลยที่ ๓ ให้การว่า ได้รับมอบจากจำเลยที่ ๒ ไปรับสินค้า ชำระค่าอากรแก่โจทก์และรับสินค้ามาโดยสุจริต
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยได้ชำระค่าอากรแก่โจทก์แล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ยังไม่ได้ชำระค่าอากรราย ๔๑๕,๐๒๘.๙๒ บาท พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คนของจำเลยได้ชำระเงินค่าอากรต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์หรือไม่ ถ้าได้ชำระแล้ว แต่คนของโจทก์เอาเงินนั้นเสียไม่ส่งให้แก่โจทก์ จำเลยไม่ต้องรับผิด แต่ถ้าคนของจำเลยไม่ได้ชำระเงินต้นให้แก่เจ้าหน้าที่ของโจทก์ จำเลยก็ไม่พ้นความรับผิดเพราะจำเลยต้องรับผิดชอบในการกระทำของตัวแทนที่จำเลยใช้ในการชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๒๒๐ ไม่ว่าคนของโจทก์จะได้ร่วมในการทุจริต เช่นในการปลอมแปลงด้วยหรือไม่ และฟังว่าจำเลยยังไม่ได้ชำระค่าอากรตามฟ้องโจทก์
พิพากษาแก้ให้ จำเลยที่ ๑ ชำระค่าอากรและดอกเบี้ยตามฟ้องโจทก์

Share