แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำสัญญาจำนองที่พิพาทไว้กับโจทก์ แต่จำเลยไม่มีความสามารถจะไถ่ จึงทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ ดังนี้ สัญญาจะซื้อขายเป็นนิติกรรมอีกอันหนึ่งต่างหาก จากสัญญาจำนองไม่เกี่ยวกัน ย่อมสมบูรณ์ ใช้ได้ตามกฎหมาย
ย่อยาว
ความว่า จำเลยได้จำนองที่ดินรายพิพาทไว้กับโจทก์เป็นเงิน 450 บาท ดอกเบี้ยค้างตลอดมา จำเลยไม่สามารถไถ่ และต้องการเงินอีก จึงตกลงทำสัญญาจะขายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 1,500 บาท ได้รับเงินมัดจำไว้ 340 บาท แล้วจำเลยได้ไปร้องขอขายที่อำเภอตามสัญญาอำเภอได้ออกประกาศโฆษณาตามระเบียบแล้ว ครั้นถึงกำหนด จำเลยกลับใจไม่ยอมขาย และเข้าทำนาในที่ซึ่งจะขาย โจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาท และใช้ค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยฎีกาข้อกฎหมายว่าสัญญาจะซื้อขายนั้นกระทบกระเทือนสัญญาจำนองให้ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 744(6) จึงไม่สมบูรณ์ตาม มาตรา 711
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อกฎหมายที่จำเลยอ้างเป็นเรื่องที่มีข้อตกลงเนื่องจากสัญญาจำนองนั้นเอง ที่จะให้ผู้รับจำนองเข้าเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่จำนองนอกจากตามบทบัญญัติทั้งหลายว่าด้วยการบังคับจำนอง แต่ในคดีนี้ สัญญาจะซื้อขายที่โจทก์ขอบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามนั้นเป็นนิติกรรมอีกอันหนึ่งต่างหากจากสัญญาจำนองไม่เกี่ยวกัน ย่อมสมบูรณ์ใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
พิพากษายืน