คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018-1019/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤตติการณ์ที่ฟังว่าไม่มีผิดฐานฉ้อโกงแลแจ้งความเท็จ

ย่อยาว

คดีนี้ได้ความว่า จำเลยรับราชการเป็นนายอำเภอได้ไปตรวจราชการโดยเช่ารถจักรยานซึ่งเป็นของน้องชายจำเลยจาก ถ. เป็นพาหนะรวม ๒๒ วัน ค่าเช่าวันละ ๑ บาท จำเลยใช้รถไปตรวจราชการเพียง ๑๖ วัน ส่วนอีก ๑ วันไม่ได้ใช้ แต่ยังคงยึดรถไว้จนครบกำหนด จำเลยได้จ่ายเงิน ๒๒ บาทให้แก่เจ้าของรถไป แต่ได้ขอเงินจากเจ้าของรถไป ๖ บาทจ่ายแก่ผู้นำทางจำเลยจึงทำใบสำคัญขอเบิกเงิน ๒๒ บาทนี้โดยกล่าวว่าได้เช่ารถจักรยานของ ถ.ไปซึ่งความจริงเป็นรถของน้องชายจำเลย แต่น้องจำเลยไม่อยู่ในขณะนั้น จำเลยจึงได้เช่าจาก ถ.ผู้แทนน้องจำเลย ถ.ก็ได้เซ็นชื่อรับเงินว่าเป็นเจ้าของรถแทนน้องจำเลย เจ้าพนักงานจึงจ่ายเงินให้จำเลยไปตามที่ขอเบิก
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยมีผิดฐานฉ้อโกงแลฐานแจ้งความเท็จ
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยได้กระทำไปโดยสุจริต เพื่อความสะดวกในการตั้งเบิกตามระเบียบเท่านั้น แลเงิน ๖ บาทที่จำเลยจ่ายให้ผู้นำทางก็โดยคลังไม่ยอมให้เบิกจ่ายจำเลยไม่มีเจตนาทุจจริตแต่อย่างใด แลโจทก์ก็มิได้แสดงว่าอาจจะเกิดการเสียหายได้ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ยกข้อฟ้องโจทก์

Share