คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การระวางโทษเป็นสองเท่าในคดีหลังตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 73 จะต้องปรากกฏว่าขณะกระทำผิดคดีหลัง คดีก่อนจะต้องถึงที่สุดไปแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 27, 28, 31, 61, 69, 70, 73, 75, 76 พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 4, 6, 34 โดยวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับคดีนี้ บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษเข้ากับคดีนี้ ให้วิดีโอซีดีและซีดีของกลางตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ และจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเคยกระทำความผิดและต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจริง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิด ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 31 (ที่ถูก 31 (1)), 70 วรรคสอง พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง, 34 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 31 (ที่ถูก 31 (1)), 70 วรรคสอง ให้จำคุก 1 ปี และปรับ 270,000 บาท กระทงหนึ่ง จำเลยเคยต้องโทษคดีอื่นมาแล้วฐานกระทำความผิดตาม พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ้นโทษยังไม่ครบห้าปี มากระทำผิดในคดีนี้อีก ต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้ จึงจำคุกจำเลย 2 ปี ปรับ 540,000 บาท ความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง, 34 ให้ปรับ 20,000 บาท อีกกระทงหนึ่ง รวมจำคุก 1 ปี (ที่ถูก 2 ปี) และปรับ 560,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี และปรับ 280,000 เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวต่อไป โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ จ่ายค่าปรับเป็นจำนวนกึ่งหนึ่งของค่าปรับตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 แก่เจ้าของลิขสิทธิ์ เนื่องจากคดีนี้ไม่ได้ลงโทษจำคุกจำเลยจึงไม่บวกโทษให้
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ขณะจำเลยกระทำผิดคดีนี้อาญาหมายเลขแดงที่ อ.1400/2543 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางยัง ไม่ถึงที่สุด จึงลงโทษจำเลยเป็นสองเท่าไม่ได้นั้น เห็นว่า การระวางโทษเป็นสองเท่าตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 73 จะต้องปรากฏว่าบุคคลผู้นั้นได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ และพ้นโทษคดีก่อนมาแล้วยังไม่ครบห้าปีมากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวอีก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าขณะผู้นั้นกระทำความผิดในคดีหลังคดีก่อนจะต้องถึงที่สุดไปแล้ว จึงจะระวางโทษในคดีหลังเป็นสองเท่าได้ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า คดีก่อนศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับ แต่โทษจำคุกให้รอการ ลงโทษไว้ 2 ปี จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยมากระทำความผิดคดีนี้ซ้ำอีก อันเป็นการกระทำความผิดในขณะที่คดีก่อนยังไม่ถึงที่สุด จึงระวางโทษจำเลยในคดีนี้เป็นสองเท่าไม่ได้ อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลดโทษปรับนั้น เห็นว่า ของกลางมีจำนวนไม่มากและสถานที่ประกอบกิจการเป็นเพียงแผงลอยเล็ก ๆ ไม่มีเลขที่ในตลาดคลองถมใหม่ แม้จำเลยเคยกระทำความผิดมาแล้ว ไม่เข็ดหลาบก็จริง แต่การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยมานั้นหนักเกินไป ยังไม่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี จึงสมควรแก้ไขให้เหมาะสม
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 100,000 บาท ความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 ปรับ 10,000 บาท รวมจำคุก 6 เดือน และปรับ 110,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 55,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

Share