คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1649 ได้บัญญัติไว้โดยชัดแจ้งแล้วว่า ผู้จัดการมรดกของผู้ตายที่จะมีอำนาจและหน้าที่จัดการทำศพผู้ตายได้ ต้องเป็นผู้จัดการมรดกที่ผู้ตายได้ตั้งไว้
ข้อเท็จจริงได้ความว่า ศาลตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกส. ผู้ตาย หาใช่ ส.ตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของส. ไม่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจและหน้าที่จัดการทำศพ สผู้ตาย แม้โจทก์จะได้จัดการทำศพและใช้จ่ายในการปลงศพส. ผู้ตายไปจริง โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องบังคับให้จำเลยจ่ายค่าทำศพแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภรรยานายสุวรรณมีบุตรด้วยกัน 1 คน คือเด็กหญิงศรีวรรณและโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายสุวรรณผู้ตายด้วยจำเลยที่ 1 ที่ 4 และจำเลยที่ 5 เป็นพี่น้องกันโดยเป็นบุตรจำเลยที่ 2 กับที่ 3จำเลยทั้งห้าลงทุนลงแรงเข้าหุ้นทำการค้ารับซื้อขายของเก่ามีร้านค้าชื่อท่งเฮงหลีและมีโกดังเก็บสินค้าชื่อล้อท่งหลีหรือหล่อท้งหลี อยู่ที่กรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2520 เวลากลางวัน จำเลยที่ 1 ในฐานะตัวแทนหรือลูกจ้างของร้านค้าของเก่าท่งเฮงหลีได้ขับรถยนต์กระบะบรรทุกเล็กหมายเลขทะเบียน ก.ท.ภ.-8199 ไปตามถนนเพชรเกษม จากจังหวัดพังงามุ่งไปยังอำเภอเมืองกระบี่ เพื่อซื้อสินค้าจำพวกเครื่องเหล็กและของอื่น ๆ ด้วยความเร็วสูง และน่าหวาดเสียวฝ่าฝืนกฎหมาย ทั้งขับแซงรถยนต์ประจำทางซึ่งแล่นอยู่ข้างหน้าในที่คับขันกินทางของทางรถยนต์ที่แล่นสวนมาด้วยความประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์ส่วนบุคคลหมายเลขทะเบียน 6 ค-2341 กรุงเทพมหานคร ซึ่งแล่นสวนทางที่ตำบลนาเหนืออำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ทำให้นายสุวรรณซึ่งขับรถยนต์ส่วนบุคคลดังกล่าวได้รับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลจังหวัดกระบี่ และศาลมณฑลทหารบกที่ 5 (ศาลจังหวัดกระบี่)ได้พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 คดีถึงที่สุดแล้ว ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 59/2520 เมื่อนายสุวรรณตายทำให้โจทก์และบุตรขาดไร้อุปการะและเสียหายคือ

1. ค่าบำเพ็ญกุศลศพ ค่าเช่าสถานที่ตั้งศพ รวมเป็นเงิน 15,000 บาท

2. ค่าโลงศพแบบจีน ค่าบรรจุศพและค่ารถยนต์บรรทุกศพและบรรทุกคนไปยังจังหวัดราชบุรี เป็นเงิน 12,020 บาท

3. ค่าหีบศพและค่ารถยนต์บรรทุกศพจากจังหวัดกระบี่ไปยังกรุงเทพมหานคร เป็นเงิน 53,500 บาท

4. ค่ารักษาพยาบาล ค่าผ่าตัด ค่าเลือด และค่ายาฉีดศพกันเน่าเป็นเงิน 2,500 บาท

5. ค่าเช่าหรือค่าบำรุงที่ดินสำหรับฝังศพที่วัดประสาทสิทธิ์ ตำบลควนไผ่ อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เป็นเงิน 15,000 บาท

6. ค่าก่อสร้างฮวงซุ้ย (หลุมศพ) ตามธรรมเนียมจีนเป็นเงิน 15,000บาท

7. ค่าอาหารและเครื่องดื่มในวันทำพิธีทางศาสนาฝังศพที่จังหวัดราชบุรีเป็นเงิน 16,000 บาท

8. ทรัพย์สินที่สูญหายไปในวันเกิดเหตุคิดเป็นเงิน 20,000 บาท

9. เด็กหญิงศรีวรรณขาดไร้อุปการะเลี้ยงดูเป็นเวลา 20 ปี คิดเดือนละ500 บาท เป็นเงิน 120,000 บาท

10. โจทก์ต้องเลี้ยงดูเด็กหญิงศรีวรรณประกอบอาชีพไม่ได้เป็นเวลา3 ปี คิดเดือนละ 500 บาท เป็นเงิน 18,000 บาท

รวมค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยทั้งห้าจะต้องร่วมกันรับผิดชดใช้แก่โจทก์เป็นเงิน 237,020 บาท โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยทั้งห้าเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน237,020 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ให้การว่า โจทก์จะเป็นภรรยาและเป็นผู้จัดการมรดกของนายสุวรรณจริงหรือไม่ และเด็กหญิงศรีวรรณจะเป็นบุตรของนายสุวรรณจริงหรือไม่จำเลยไม่ทราบและไม่รับรอง หากโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายสุวรรณผู้ตายจริง โจทก์ก็มีอำนาจหน้าที่ในทางจัดการมรดกเท่านั้น การฟ้องคดีไม่เกี่ยวกับมรดกของผู้ตายเป็นสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียที่เป็นทายาท โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 1 มีภรรยาและแยกไปทำมาหากินเป็นส่วนตัวแล้ว ไม่ได้อยู่ในความปกครองและอุปการะเลี้ยงดูของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดชอบในการกระทำของจำเลยที่ 1 ทั้งจำเลยที่ 1 ไม่ได้ร่วมเป็นหุ้นส่วนประกอบกิจการค้าหรือเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 5 รถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับไปเกิดเหตุเป็นรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ขับไปในธุรกิจส่วนตัวของจำเลยที่ 1หาใช่ขับไปในฐานะหุ้นส่วนตัวแทนหรือในทางการที่จ้างตามคำสั่งในธุรกิจของจำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 5 แต่ประการใดไม่ จำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 5ไม่ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดในผลแห่งละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2ถึงที่ 5 ต่อสู้อีกว่า นายสุวรรณขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และตัดหน้ารถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับในระยะกระชั้นชิดสุดวิสัยที่จำเลยที่ 1 จะหลบหนีได้ทัน อันเป็นความประมาทเลินเล่อของนายสุวรรณ คำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 โจทก์เรียกร้องเอาค่าเสียหายสูงเกินไปทรัพย์ที่โจทก์อ้างว่าสูญหายในวันเกิดเหตุไม่มี หากมีก็ไม่มีมากเท่าที่ฟ้อง และควรจะไปเรียกร้องเอาจากคนร้ายที่ลักไป จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์และเด็กหญิงศรีวรรณเป็นเรื่องของอนาคตไม่แน่นอน และโจทก์เรียกร้องเอาเกินฐานะ ทั้งโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องได้ด้วย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงิน 70,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 17,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นภรรยานายสุวรรณผู้ตายโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2520 จำเลยที่ 1ซึ่งประกอบการค้าร่วมกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียนก.ท.ภ. – 8199 ไปซื้อเศษเหล็กฯ นำมาเก็บไว้ที่ร้านค้าหุ้นส่วนเพื่อจำหน่าย แล้วชนรถยนต์หมายเลขทะเบียน 6 ค – 2341 กรุงเทพมหานคร ที่นายสุวรรณขับโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายสุวรรณได้รับบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ศาลมณฑลทหารบกที่ 5 (ศาลจังหวัดกระบี่)พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและคดีถึงที่สุดไปแล้ว โจทก์ได้จัดการปลงศพนายสุวรรณไปแล้ว หลังจากนายสุวรรณตายราว 4 เดือน โจทก์ก็คลอดเด็กหญิงศรีวรรณซึ่งเป็นบุตรของนายสุวรรณ ต่อมาโจทก์ได้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายสุวรรณผู้ตายตามคำสั่งศาลจังหวัดกระบี่ คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 47/2521

ในปัญหาที่ว่าศาลได้ตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายสุวรรณผู้ตายแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกค่าปลงศพของนายสุวรรณได้หรือไม่นั้นศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1649บัญญัติว่า “ผู้จัดการมรดกซึ่งผู้ตายตั้งไว้ย่อมมีอำนาจและหน้าที่ในอันที่จะจัดการศพผู้ตาย เว้นแต่ผู้ตายจะได้ตั้งบุคคลอื่นไว้โดยเฉพาะให้จัดการดังว่านั้น

ถ้าผู้ตายมิได้ตั้งผู้จัดการมรดกหรือนิติบุคคลใดไว้ให้เป็นผู้จัดการทำศพหรือทายาทมิได้มอบหมายตั้งให้บุคคลใดเป็นผู้จัดการทำศพ บุคคลผู้ได้รับทรัพย์มรดกโดยพินัยกรรมหรือโดยสิทธิโดยธรรมเป็นจำนวนมากที่สุดเป็นผู้มีอำนาจและตกอยู่ในหน้าที่ต้องจัดการทำศพ เว้นแต่ศาลจะเห็นเป็นการสมควรตั้งบุคคลอื่นให้จัดการเช่นนั้น ในเมื่อบุคคลผู้มีส่วนได้เสียคนใดคนหนึ่งร้องขอขึ้น” เห็นว่าบทกฎหมายดังกล่าวได้บัญญัติโดยชัดแจ้งแล้วว่า ผู้จัดการมรดกของผู้ตายที่จะมีอำนาจและหน้าที่จัดการทำศพผู้ตายได้ จะต้องเป็นผู้จัดการมรดกที่ผู้ตายได้ตั้งไว้ สำหรับคดีนี้ปรากฏว่าศาลได้ตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกนายสุวรรณผู้ตาย หาใช่นายสุวรรณตั้งโจทก์ไม่ ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจและหน้าที่จัดการทำศพนายสุวรรณผู้ตายแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าโจทก์จัดการและใช้จ่ายในการปลงศพนายสุวรรณผู้ตายจริง โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันจ่ายค่าทำศพให้โจทก์

พิพากษายืน

Share