แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยออกเช็คเป็นการชำระหหี้ค่าปลาป่นที่ซื้อจากผู้เสียหาย ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยจำเลยไม่มีเงินในบัญชีพอจ่าย จำเลยออกเช็คนั้นที่โรงงานปลาป่นของผู้เสียหาย ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา เพราะซื้อขายกันที่นั้น แต่ผู้เสียหายต้องไปเบิกเงินที่ธนาคารที่อำเภอหาดใหญ่ ความผิดของจำเลยเป็นการกระทำต่อเนื่องกัน พนักงนสอบสวนอำเภอเมือสงขลามีอำนาจสอบสวน.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ ๓ พฤษภาคม ๒๕๐๗ เวลากลางวัน จำเลยได้ออกเช็คของธนาคารกรุงเทพ ฯ พาณิชย์การจำกัด สาขาถนนมนตรี หาดใหญ่ ๒ ฉบับ คือ เลขที่ เจ.๑๙๐๑๔๑๖ สั่งจ่ายเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ลงวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๐๗ และเลขที่ เจ.๑๙๐๑๔๑๗ สั่งจ่ายเงิน ๑๒,๕๐๐ บาท ลงวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๐๗ ให้นายสมัคร อึ้งรัศมี ครั้งวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๐๗ และวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๐๗ ธนาคารกรุงเทพ ฯ พาณิชย์การจำกัด ได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าว โดยจำเลยมีเงินในบัญชีไม่พอจ่าย ทั้งนี้ จำเลยได้ออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้ในขณะออกเช็ค โดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค เหตุเกิดตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ และตำบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๓
จำเลยให้การว่า ได้ออกเช็คให้ผู้เสียหายจริง โดยไม่ได้เป็นหนี้เท่าจำนวนที่นำมาฟ้อง เหตุเกิดที่ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ ไม่เกิดที่ตำบลบ่อยาง พนักงานสอบสวนอำเภอเมืองสงขลาไม่มีอำนาจสอบสวน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่า จำเลยออกเช็คเป็นการชำระหนี้ พนักงานสอบสวนอำเภอเมืองสงขลาไม่มีอำนาจสอบสวน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจำเลยผิดตามฟ้อง จำคุก ๒ เดือน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยได้ออกเช็คให้ผู้เสียหายเป็นการชำระหนี้ค่าซื้อปลาป่นที่ซื้อไปจากผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปเบิกเงินจากธนาคาร ๆ ปฏิเสธการจ่ายเงินโดยจำเลยไม่มีเงินในบัญชีพอจ่าย จำเลยต้องมีความผิดตามฟ้อง และฟังว่าจำเลยออกเช็คดังกล่าวให้ผู้เสียหายที่โรงงานปลาป่นของผู้เสียหาย ที่ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือสงขลา เพราะซื้อขายกันที่นั้น แต่เช็คพิพาทผู้เสียหายต้องไปเบิกเงินที่ธนาคารที่อำเภอหาดใหญ่ ความผิดของจำเลยเป็นการกระทำต่อเนื่องกัน พนักงานสอบสวนอำเภอเมืองสงขลามีอำนาจสอบสวน
พิพากษายืน.