คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1008/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศไปจากโจทก์ โดยจำเลยชำระเงินให้โจทก์ส่วนหนึ่ง ส่วนที่ค้างชำระตกลงกันว่า หากไม่นำมาชำระให้จำเลยจะทำภาพยนตร์ตัวอย่างเพื่อโฆษณาร้านค้าให้โจทก์แต่จำเลยก็ไม่นำเงินที่ค้างมาชำระ และไม่ทำภาพยนตร์โฆษณาให้โจทก์ดังนี้ ถือได้ว่าหนี้ค่าเครื่องปรับอากาศที่ค้างชำระดังกล่าวนั้นโจทก์จำเลยได้ตกลงทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้ โดยเปลี่ยนวัตถุแห่งหนี้จากการที่จำเลยจะต้องชำระเงินมาเป็นหนี้ที่จำเลยจะต้องถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณากิจการร้านค้าให้โจทก์เสียแล้วหนี้ที่จำเลยจะต้องชำระเงินย่อมเป็นอันระงับไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ โจทก์จึงจะฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินที่ค้างตามสัญญาซื้อขายซึ่งระงับไปแล้วด้วยการแปลงหนี้ใหม่หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศไปจากโจทก์ราคา 7,500 บาท จำเลยชำระเงินให้โจทก์ 3,000 บาท ยังค้างชำระอีก 4,500 บาท ตกลงกันว่า เงินที่ค้างชำระหนี้ หากจำเลยไม่นำมาชำระให้โจทก์ จำเลยจะทำภาพยนต์ตัวอย่างเพื่อโฆษณาร้านค้าให้โจทก์ แต่จำเลยไม่ทำตามที่ตกลงไว้ ทั้งไม่ยอมนำเงินมาชำระให้โจทก์ ขอศาลบังคับให้จำเลยชำระเงินที่ค้างจำนวน 4,500บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยได้ซื้อเครื่องปรับอากาศไปจริง แต่ได้ชำระราคาแล้วโดยจำเลยได้จัดทำภาพยนตร์สไลด์หรือไตเติ้ลภาพยนตร์ลงบนฟิล์มภาพยนตร์ของจำเลยเพื่อทำการฉายทั่วประเทศแล้วตามข้อตกลง จำเลยจึงไม่ต้องชำระเงินให้แก่โจทก์อีก

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา พิพากษาให้จำเลยชำระเงินที่ค้าง 4,500 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยที่ว่า หนี้เครื่องปรับอากาศที่จำเลยยังค้างชำระอยู่ จำเลยจะถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณากิจการร้านค้าของโจทก์ขึ้นไตเติ้ลภาพยนตร์ที่จำเลยสร้างและจะทำการฉายทั่วประเทศนั้นเป็นการทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้ จึงเป็นการแปลงหนี้ใหม่ ซึ่งทำให้หนี้เดิมตามสัญญาซื้อขายระงับไป โจทก์จะฟ้องบังคับไม่ได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยประกอบกับข้อความในบิลเงินสด (ใบเสร็จรับเงิน) เอกสารหมาย จ. 1 ซึ่งมีว่า “จ่ายสด 3,000 บาท ค้าง 4,500 บาท โดยสัญญาจะถ่ายหนังขึ้นไตเติ้ลเพื่อทำการฉายทั่วประเทศให้แก่ เอส.พี.แอร์” และคำเบิกความของโจทก์ตอบทนายจำเลยว่าเดิมโจทก์ได้ติดต่อทวงถามจำเลยจะให้มาถ่ายหนัง เมื่อจำเลยไม่มาถ่าย โจทก์โทรศัพท์ถึงจำเลย จำเลยว่ารออีกเดือนหนึ่งจะมาถ่ายให้ แต่แล้วก็ไม่มาเห็นได้ว่าหนี้ค่าเครื่องปรับอากาศที่จำเลยค้างชำระอยู่ 4,500 บาทนั้น โจทก์จำเลยได้ตกลงทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้ คือ เปลี่ยนวัตถุแห่งหนี้จากการที่จำเลยจะต้องชำระเงิน 4,500 บาท มาเป็นหนี้ที่จำเลยจะต้องถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณากิจการร้านค้าให้โจทก์ หนี้ที่จำเลยจะต้องชำระเงิน 4,500 บาท ย่อมเป็นอันระงับไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ ที่โจทก์ฎีกาว่าข้อตกลงที่จำเลยเสนอจะถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาร้านค้าให้โจทก์เป็นการเปิดโอกาสให้จำเลยมีทางเลือกที่จะชำระหนี้ให้โจทก์นั้น ไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนให้เห็นว่าเป็นดังโจทก์ฎีกา โจทก์จะฟ้องบังคับชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายซึ่งระงับไปแล้วด้วยการแปลงหนี้ใหม่หาได้ไม่ฎีกาข้อต่อมาของโจทก์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติตามสัญญาที่แปลงมา อันโจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับ ไม่จำต้องวินิจฉัย

พิพากษายืน แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่

Share