คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาส่งสำเนาให้จำเลย ทนายจำเลยแถลงว่าตัวความตายไปแล้ว ทนายจำเลยจึงหมดสิทธิเป็นทนายและตัวแทน จึงส่งคืนหมายของศาลและสำเนาฎีกาของโจทก์ ศาลสั่งให้ส่งสำเนาให้โจทก์ทราบ โจทก์ได้ทราบแล้ว เวลาผ่านมา 2 ปี ไม่มีผู้ใดเข้ามาเป็นคู้ความแทนจำเลย และโจทก์ไม่ได้มีคำขอเพื่อให้ศาลเรียกทายาทหรือผู้จัดการมรดกของผู้มรณะเข้ามาเป็นคู่ความแทนดังนี้ ถือได้ว่าไม่มีผู้ใดเข้ามาแทนทีคู่ความฝ่ายมรณะภายในกำหนด 1 ปีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 42 ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(3).
หมายเหตุ ตามข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(1).

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้าค่าเสียหายฐานละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ ศาลอุทธร์พิพากษาแก้คำพิพากษา ศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๒ โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยที่ ๒ ร่วมรับผิดดังคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาส่งสำเนาให้กับจำเลย ศาลได้ส่งหมายนัดกับสำเนาฎีกาของโจทก์ให้แก่พระยาปรีดานฤเบศร์ทนายจำเลยที่ ๒ เมื่อวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๐๖ รุ่งขึ้นวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๐๖ ทนายจำเลยที่ ๒ ยื่นคำแถลงว่านายดี.ซี.นอตต์ จำเลยที่ ๒ ได้ถึงแก่กรรมไปแล้วแต่วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๐๖ จึงขอส่งคืนหมายของศาลกับสำเนาฎีกาของโจทก์เพราะเมื่อจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นตัวการตายไปแล้ว พระยาปรีดานฤเบศร์ผู้เป็นทนายและตัวแทนหมดสิทธิเป็นทนายและตัวแทนแล้ว ศาลสั่งให้ส่งสำเนาให้โจทก์ทราบในวันนั้น โจทก์ได้รับสำเนาคำแถลงและทราบคำสั่งดังกล่าวแล้วแต่วนัที่ ๙ กันยายน ๒๕๐๖ ตั้งแต่นั้นมาจนบัดนี้เป็นเวลาสองปีแล้ว ไม่ปรากฎว่ามีผู้ใดเข้ามาเป็นคู่ความแทนจำเลยที่ ๒ และโจทก์ไม่ได้มีคำขอเพื่อให้ศาลเรียกทายาทหรือผู้จัดการทรัพย์มรดกของผู้มรณะเข้ามาเป็นคู่ความแทน ดังนี้ ถือได้ว่าคดีนี้ไม่มีผู้ใดเข้ามาแทนที่คู่ความฝ่ายมรณะภายในกำหนดหนึ่งปีตามมาตรา ๔๒
ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีนี้เสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๓๒(๓) ให้คืนค่าตัดสินและค่าคำบังคับให้โจทก์.

Share