แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สามีกู้เงินเขามาใช้จ่ายเป็นค่าทนายในการที่ฟ้องพี่ชายของภริยาจนได้ที่ดินบางส่วนกลับคืนมาเป็นสินเดิมของภริยากับสามีได้เอาเงินที่กู้มานั้น มาใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลบุตร ซึ่งยังเป็นผู้เยาว์อยู่เช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นหนี้ร่วมตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1482 เจ้าหนี้เงินกู้มีอำนาจยึดที่ดินสินเดิมของภริยาดังกล่าวแล้วใช้หนี้เงินกู้นั้นได้
ย่อยาว
จำเลยไม่ใช้หนี้เงินกู้โจทก์ตามคำพิพากษา  โจทก์จึงนำยึดที่ดินโฉนดพิพาท  เพื่อขายใช้หนี้  อ้างว่าเป็นของนางอู่ภริยาจำเลยมีกรรมสิทธิอยู่ครึ่งหนึ่ง  และเป็นสินบริคณห์ระหว่างนางอู่กับจำเลย
นางอู่ร้องขัดทรัพย์ว่า  ที่ดินที่พิพาทเป็นสินเดิมของผู้ร้อง  ขอให้ถอนการยึด
ศาลแพ่งพิจารณาแล้ว  มีคำสั่งให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว  ฟังว่า  หนี้สินที่จำเลยกู้โจทก์มา  ๒  คราวนั้น  เอามาใช้จ่ายค่าทนายในการที่จำเลยฟ้องร้องนายไชพี่ชายผู้ร้อง  จนได้ที่พิพาทบางส่วนกลับคืนมาเป็นสินเดิมของผู้ร้อง  เพราะเดิมผู้ร้องไม่ขอรับมรดกที่ดินแปลงนี้  ตามสิทธิที่ควรจะได้รับ กับจำเลยเอาเงินที่กู้โจทก์ไปนั้นมาใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลบุตรของจำเลย  และผู้ร้องซึ่งเป็นหน้าที่ของบิดามารดาจะต้องให้ความอุปการะเลี้ยงดูตลอดจนการรักษาพยาบาลบุตรเมื่อป่วยไข้  ทั้งบุตรก็ยังเป็นผู้เยาว์อยู่ด้วยเช่นนี้  จึงเป็นหนี้ร่วมตามมาตรา  ๑๔๘๒  แห่ง  ป.ม.แพ่งฯ  ผู้ร้องจึงต้องรับผิดด้วย  จึง พิพากษายืน

