แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามสัญญาโจทโอนขายที่พิพาทไห้เปนกัมสิทธิแก่จำเลย แต่ถ้าโจทมีเงินตามจำนวนที่กำหนดไว้มาไถ่คืนเมื่อได จำเลยจะยอมคืนที่พิพาทไห้เมื่อนั้นไม่มีกำหนดดังนี้ สัญญานี้ย่อมเข้าลักสนะเปนคำมั่นไนการซื้อขายที่มิได้กำหนดเวลา ถ้าจำเลยมิได้ไช้สิทธิตาม ม.454(2) สัญญานั้นย่อมมีผลหยู่ต่อไป
ย่อยาว
โจทฟ้องขอไห้บังคับจำเลยโอนขายที่รายนี้ไห้โจทไนราคา ๑๔๐๐ บาท โดยอาสัยสัญญาลงวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๔๗๔ ซึ่งมีข้อความว่า “นางเอี้ยงจะได้ยอมขายนาที่ดิน ๓๔ ไร่กว่าไห้เปนกัมสิทธิแก่นายอู๋ นางม่วยเปนเงิน ๑๔๐๐ บาท ถ้านางเอี้ยงมีเงินครบ ๑๔๐๐ บาทเมื่อได จะมาไถ่คืนเมื่อได นายอู๋ นางม่วยจะยอมคืนนาไห้เมื่อนั้นไม่มีกำหนด ถ้าหากไม่ยอมไห้นางเอี้ยงขอไถ่คืนแล้ว ขอไห้นางเอี้ยงเอาไบสัญญานี้ไปฟ้องร้องยังโรงสาล ขอไห้สาลบังคับข้าพเจ้านายอู๋ นางม่ายตามกดหมาย นายอู๋ นางเอี๋ยงได้พร้อมไจยอมทำสัญญาตกลงกันแล้วจึงได้ยอมลงลายมือทั้ง ๒ ฝ่าย
ไนวันชี้สองสถานจำเลยแถลงว่า ได้ทำสัญญาไห้โจทจิง แต่มีความหมายเพียงว่าจำเลยยอมไห้โจทซื้อได้ฉเพาะส่วนของโจทซึ่งมีชื่อร่วมกับคนอื่นเท่านั้น
โจทแถลงว่า สัญญาฉบับนี้มีความหมายว่าจำเลยจะซาบคืนที่ดินโฉนดที่ ๓๐๔ ทั้งหมดเปนเนื้อที่ ๓๔ ไร่เสส ไม่ไช่แต่ส่วนของโจท
ทั้งสองฝ่ายไม่ติดไจสืบพยานขอไห้สาลวินิฉัยข้อกดหมายไนการแปลสัญญา
สาลชั้นต้นและสาลอุธรน์วินิฉัยต้องกันว่าคดีควนฟังว่า เปนสัญญาที่จำเลยตั้งไจจะขายที่นาคืนไห้โจทตามโฉนดที่ ๓๐๔ ทั้งหมดจึงพิพากสาไห้จำเลยโอนขายที่ดินตามโฉนดที่ ๓๐๔ ทั้งหมดไห้แก่โจทไนราคา ๑๔๐๐ บาท
จำเลยดีกา สาลดีกาพร้อมกันปรึกสาเห็นว่าหนังสือสัญญาลงวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๔๗๔ เปนคำมั่นไนการซื้อขาย คำมั่นชนิดนี้เมื่อมีหลักถานเปนหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายผู้รับผิดเปนสำคันก็ไช้ได้ตามประมวนกดหมายแพ่ง ฯ มาตรา ๔๕๖(๒) จิงหยู่คำมั่นนั้นมิได้กำหนดเวลา แต่ตามมาตรา ๔๕๔ (๒) ว่าถ้าไนคำมั่นมิได้กำหนดเวลาไว้เพื่อการบอกกล่าวเช่นนั้น บุคคลผู้ไห้คำมั่นจะกำหนดเวลาพอสมควนและบอกกล่าวไปยังคู่กรนีอีกฝ่ายหนึ่งไห้ตอบมาเปนการแน่นอนพายไนกำหนดเวลานั้นก็ได้ แต่จำเลยมิได้ไช้สิทธิเช่นว่านั้นฉนั้นจำเลยจึงจำต้องขายตามราคาที่ตนไห้คำมั่นนั้น พิพากสายืนตาม