คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดามิได้ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบหรือประพฤติชั่วร้ายตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582 เพียงแต่ไม่สามารถปกครองดูแลผู้เยาว์ให้ได้รับความผาสุก อันอาจเป็นเหตุให้สุขภาพจิตของผู้เยาว์เสื่อมลงเท่านั้นกรณีจึงไม่มีเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองของบิดา แต่ตามพฤติการณ์ของคดีได้ความว่าความผูกพันทางจิตใจของมารดาที่มีต่อผู้เยาว์จะแนบแน่นมากกว่าผู้เป็นบิดา แม้มารดาได้มีโอกาสปกครองดูแลผู้เยาว์บ้างเป็นครั้งคราวชั่วระยะเวลาอันสั้น ผู้เยาว์กลับประสงค์จะอยู่กับมารดา แสดงว่าผู้เยาว์ขาดความอบอุ่นทางจิตใจขณะอยู่กับบิดาเมื่อผู้เยาว์มีความผูกพันกับมารดามากกว่าบิดา การที่ผู้เยาว์อยู่กับมารดาจะมีผลดีต่อสุขภาพจิตของผู้เยาว์ จึงเห็นสมควรให้การใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์อยู่กับมารดาฝ่ายเดียวตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1566(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยจดทะเบียนสมรสกันมีบุตรด้วยกัน1 คน ต่อมาโจทก์และจำเลยได้จดทะเบียนหย่ากันโดยมีข้อตกลงว่า ให้ผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของโจทก์ หลังจากนั้นโจทก์และจำเลยได้ทำบันทึกข้อตกลงที่สำนักงานคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ประชาชนว่า จำเลยตกลงให้ผู้เยาว์อยู่ในปกครองของโจทก์ ทั้งนี้โจทก์ยอมให้จำเลยไปเยี่ยมผู้เยาว์ที่โรงเรียนได้และอนุญาตให้จำเลยรับผู้เยาว์ไปดูแลได้และต้องนำผู้เยาว์มาส่งหากจำเลยผิดข้อตกลงโจทก์ขอตัดสิทธิในการรับผู้เยาว์ต่อไป จำเลยได้ไปรับผู้เยาว์ไปจากความปกครองของโจทก์แล้วไม่ยอมพามาส่งคืนให้โจทก์ตามกำหนด โจทก์ได้ไปติดต่อขอรับผู้เยาว์คืนมาอยู่ในความปกครองและจะได้ไปโรงเรียนรับการศึกษาต่อไป แต่จำเลยไม่ยินยอมคืนให้ โจทก์ได้ให้ทนายความมีหนังสือขอให้จำเลยส่งมอบผู้เยาว์คืนโจทก์แต่จำเลยเพิกเฉยขอให้จำเลยส่งผู้เยาว์คืนมาอยู่ในความปกครองของโจทก์ โดยจำเลยไม่มีสิทธิรับไปดูแลอีกต่อไป
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยได้รับผู้เยาว์ไปค้างคืนและจะพาไปส่งคืนแก่โจทก์ ผู้เยาว์ร้องไห้ไม่ยอมกลับและแสดงอาการหวาดกลัวรุนแรงจนจำเลยไม่อาจหักใจบังคับผู้เยาว์ให้กลับไปอยู่ในความปกครองของโจทก์ต่อไป โจทก์มิได้เอาใจใส่ดูแลผู้เยาว์โจทก์ออกไปทำงานนอกบ้านและกลับดึกตลอดจนดื่มสุราเป็นอาจิณส่วนบิดามารดาของโจทก์ออกไปทำงานนอกบ้านและกลับดึกเช่นกันผู้เยาว์ต้องอยู่ตามลำพังกับคนใช้ โจทก์นำภริยาใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านด้วย ภริยาใหม่เกลียดชังกลั่นแกล้งและข่มขู่ผู้เยาว์จนเกิดความกลัวตลอดมาผู้เยาว์อยู่กับโจทก์ด้วยความว้าเหว่ และขาดความอบอุ่นแต่เมื่อผู้เยาว์อยู่กับจำเลย ผู้เยาว์มีความสุขสนุกสนานเพราะจำเลยรักและให้ความอบอุ่นแก่ผู้เยาว์อย่างเต็มที่ จำเลยได้นำผู้เยาว์เข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลธรรมภิรักษ์ธนบุรี ซึ่งจำเลยเป็นครูอยู่ ขอให้ยกฟ้องและถอนความเป็นผู้ปกครองเด็กชายอิทธิฤทธิ์ชยากร ผู้เยาว์ ของโจทก์และมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้ปกครองเด็กชายอิทธิฤทธิ์ ชยากร ผู้เยาว์
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่สนใจใยดีผู้เยาว์ จึงให้ผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของโจทก์แต่เพียงฝ่ายเดียว ทุกคนในบ้านโจทก์ต่างรักใคร่เอ็นดูผู้เยาว์ โจทก์มิได้ดื่มสุราเป็นอาจิณและกลับบ้านดึก แต่โจทก์ดูแลผู้เยาว์อย่างใกล้ชิด จำเลยประพฤติผิดข้อตกลงด้วยการไม่ยอมส่งผู้เยาว์คืน โดยอ้างเหตุที่ไม่มีมูลความจริง จำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องแย้งโจทก์ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พิพากษายกฟ้อง และให้ถอนอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ของโจทก์ และตั้งให้จำเลยเป็นผู้ปกครองเด็กชายอิทธิฤทธิ์ ชยากร บุตรผู้เยาว์โดยมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายต่อไป แต่ให้โจทก์มีสิทธิมาเยื่ยมผู้เยาว์ที่โรงเรียนได้ตลอดเวลา และให้มารับผู้เยาว์ไปดูแลได้เดือนละ 1 ครั้ง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่าโจทก์หรือจำเลยสมควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ เมื่อพิจารณารายงานแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้เยาว์ของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางประกอบแล้วจากการสืบเสาะของพนักงานคุมประพฤติในการสอบถามจากโจทก์จำเลยตลอดจนพยานของทั้งสองฝ่ายและตัวผู้เยาว์เองก็ปรากฏว่าโจทก์อยู่บ้านเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะผู้เยาว์เมื่อมาพบพนักงานคุมประพฤติ มีท่าทางหวาดระแวงเกาะติดอยู่กับจำเลยผู้เป็นมารดาตลอดเวลา จากการสอบถามผู้เยาว์ก็ประสงค์จะอยู่กับจำเลยเพราะอยู่กับโจทก์ไม่มีใครเล่นด้วย ผู้เยาว์นอนกับจำเลยและชอบให้จำเลยนอนกอดเล่านิทาน ห้ฟัง เห็นว่า ความผูกพันทางจิตใจของมารดาต่อบุตรที่ตนให้กำเนิดมาจะแนบแน่นมากกว่าผู้เป็นบิดา เช่นเดียวกันกับจำเลยกลัวผู้เยาว์ได้รับความลำบากเพราะเมื่อหย่าขาดจากโจทก์แล้ว จำเลยไม่มีงานทำทั้งโจทก์ไม่ให้ค่าเลี้ยงชีพแก่จำเลย จำเลยจึงยอมให้โจทก์ปกครองดูแลผู้เยาว์ แต่จำเลยก็พยายามหาทางไปพบผู้เยาว์ที่บ้านโจทก์ โจทก์และภริยาใหม่กลับกีดกันไม่ให้จำเลยพบผู้เยาว์จนจำเลยต้องร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่สำนักงานคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ประชาชน สำนักงานอัยการสูงสุด จึงได้มีโอกาสปกครองดูแลผู้เยาว์บ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งก็ปรากฏว่าชั่วระยะเวลาอันสั้นในการที่จำเลยปกครองดูแลผู้เยาว์ ผู้เยาว์กลับประสงค์จะอยู่กับจำเลย แสดงว่าผู้เยาว์ขาดความอบอุ่นทางจิตใจขณะอยู่กับโจทก์ ขณะนี้ผู้เยาว์มีอายุ 8 ปีแล้วอยู่ในวันที่ต้องดูแลเอาใจใส่พิเศษ เมื่อผู้เยาว์มีความผูกพันจำเลยมากกว่าโจทก์การที่ผู้เยาว์อยู่กับจำเลยจะมีผลต่อสุขภาพจิตของผู้เยาว์ ส่วนในเรื่องความสามารถในการเลี้ยงดูผู้เยาว์นั้น ปัจจุบันนี้เหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปเพราะจำเลยได้ประกอบอาชีพมั่นคงพอที่จะเลี้ยงดูผู้เยาว์ได้โดยไม่เดือดร้อน ทั้งตาและยายของผู้เยาว์ก็คอยจุนเจืออยู่และช่วยจำเลยเลี้ยงดูผู้เยาว์ด้วย เนื่องจากบุคคลทั้งสองไม่ได้ทำงาน ผู้เยาว์ก็เรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนซึ่งจำเลยเป็นครูสอนอยู่ จำเลยจึงสามารถดูแลผู้เยาว์ได้ใกล้ชิดเป็นที่อบอุ่นใจของผู้เยาว์ ประกอบกับผู้เยาว์อยู่ในวันพอจะรับรู้สภาพแวดล้อมได้ ประสงค์จะอยู่กับจำเลยเพื่อสวัสดิภาพของผู้เยาว์ ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างสุขภาพจิตของผู้เยาว์ให้มีสภาพเช่นเดียวกับผู้เยาว์คนอื่นที่อยู่ในครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมและเพื่อให้เป็นไปตามความสมัครใจของผู้เยาว์ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1566 (5) ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่อย่างไรก็ตามที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ถอนอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ของโจทก์ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยเพราะโจทก์มิได้ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบหรือประพฤติชั่วร้าย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582โจทก์เพียงแต่ไม่สามารถปกครองดูแลผู้เยาว์ให้ได้รับความผาสุกอันอาจเป็นเหตุให้สุขภาพจิตของผู้เยาว์เสื่อมลงเท่านั้น กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองของโจทก์ได้ในชั้นนี้ แต่ตามพฤติการณ์ของคดีที่ได้ความ เห็นสมควรที่จะให้การใช้อำนาจปกครองเด็กชายอิทธิฤทธิ์ ชยากร ผู้เยาว์อยู่กับจำเลยซึ่งเป็นมารดาฝ่ายเดียวตามบทบัญญัติในมาตรา 1566 (5) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่เพิกถอนอำนาจปกครองเด็กชายอิทธิฤทธิ์ชยากร บุตรผู้เยาว์ของโจทก์แต่ให้อำนาจปกครองเด็กชายอิทธิฤทธิ์ผู้เยาว์อยู่กับจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share