แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่โจทก์ฟ้องว่ารถชนกันเกิดจากการกระทำโดยประมาทของทั้งฝ่ายจำเลยที่ 1 และที่ 2 นั้น ข้อเท็จจริงที่ว่า เหตุเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลยคนใดบ้างหรือว่าทั้งสองคนเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแก่ศาลอุทธรณ์ว่า เหตุเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลยที่ 2 ฝ่ายเดียว จำเลยที่ 1 มิได้กระทำโดยประมาทด้วย ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันใช้มีดปลายแหลมแทงนายณรงค์ ๒ ที ที่บริเวณด้านหลังทะลุไตข้างขวาต้องตัดออก ทั้งนี้โดยเจตนาฆ่า แต่ไม่บรรลุผล และร่วมกันชกต่อยและใช้มีดแทงนายยงค์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๙๕, ๘๐, ๘๓ และริบมีดของกลาง
จำเลยให้การว่า นายณรงค์มาท้าน้องชายจำเลย จำเลยออกไปห้าม ก็ถูกนายณรงค์ชก จำเลยจึงชกป้องกันตัว ระหว่างนั้นนายยงค์เข้ามาใช้มีดปลายแหลมแทงจำเลยถูกที่นิ้ว จำเลยเตะมือนายยงค์จนมีดหลุด แล้วจำเลยเก็บมีดไว้ คนทั้งสองเข้ามาจะทำร้าย จำเลยจึงตวัดมีดไปรอบ ๆ จำเลยไม่มีพวกร่วมในการนี้ และไม่มีเจตนาฆ่านายณรงค์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยร่วมกับพวกทำร้ายนายณรงค์ได้รับอันตรายสาหัส แต่ไม่พอฟังว่าเจตนาฆ่า และฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำร้ายหรือร่วมกับพวกทำร้ายนายยงค์ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ ประกอบด้วยมาตรา ๘๓ จำคุก ๒ ปี ริบมีดของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ จำคุก ๑๐ ปี และลงโทษตามมาตรา ๒๙๕ อีกกระทงหนึ่ง จำคุก ๖ เดือน รวมโทษจำคุก ๑๐ ปี ๖ เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับข้อหาฐานพยายามฆ่านายณรงค์นั้น พยานโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยกับพวกร่วมกันใช้มีดปลายแหลมแทงนายณรงค์ถูกที่บริเวณหลังมีบาดแผล ๒ แห่ง คงมีปัญหาว่าจำเลยจะมีความผิดฐานใด แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่า จำเลยจับมือนายณรงค์บิดไว้ ทำให้พวกของจำเลยมีโอกาสเลือกแทงส่วนไหนของร่างกายได้ก็จริงด้วย แต่พวกของจำเลยกับแทงนายณรงค์บริเวณด้านหลัง มีดที่ใช้แทงก็เป็นเพียงมีดพกปลายแหลมยาวเกือบ ๑ คืบ ซึ่งไม่ใช่อาวุธที่ร้ายแรง บาดแผลทั้งสองแห่งยาวแผลละ ๒ เซนติเมตร แผลที่หนึ่งลึกเพียง ๑ เซนติเมตร แสดงว่าไม่ได้ตั้งใจแทงโดยแรง หากแต่แผลเยื้องไปทางขวาบังเอิญมีดทะลุไปถูกไตต้องตัดไปข้างขวาออก และรักษาตัวราว ๒๗ วัน ก็ออกจากโรงพยาบาลได้ เพียงเท่านี้ยังไม่พอที่จะแสดงให้เห็นเจตนาว่าจะฆ่านายณรงค์ จำเลยควรมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส
ส่วนข้อหาฐานทำร้ายร่างกายนายยงค์ซึ่งศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงแตกต่างกันมานั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อพวกของจำเลยแทงนายยงค์แล้ว นายยงค์วิ่งหนี จำเลยกับพวกวิ่งไล่ตามไป แสดงว่าร่วมกันจะทำร้ายนายยงค์อีก ครั้นตามไปทัน พวกของจำเลยก็ใช้มีดแทงนายยงค์ ถูกที่แขนขวาท่อนล่างมีบาดแผลลึกถึงกล้ามเนื้อ จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการทำร้ายร่างกายนายยงค์เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะที่ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓, ๘๐ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ จำคุก ๒ ปี รวมเป็นโทษจำคุก ๒ ปี ๖ เดือน นอกนั้นให้คงไว้ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์