แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสามฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาที่จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านว่าศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาไม่ชอบและจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ข้อไหนและเพราะเหตุใด จึงเป็นฎีกาที่มิได้ ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิงไว้โดยชัดแจ้ง ไม่ชอบ ด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ไม่รับฎีกา ของจำเลย
จำเลยทั้งสามเห็นว่า ฎีกาของจำเลย เป็นฎีกาที่โต้แย้งคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 โดยชัดแจ้งชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 แล้วโปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสามไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันเปิดทางเป็นถนน ออกสู่ทางสาธารณประโยชน์แก่โจทก์ โดยเปิดทางในที่ดินของจำเลย ทั้งสามโฉนดเลขที่ 3949 ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ทางด้านทิศตะวันตกของที่ดินจำเลย ยาวตลอดแนว จากด้านทิศใต้จดถนนสาธารณประโยชน์ไปจนถึงที่ดินของโจทก์ตาม รูปแผนที่พิพาทภายในเส้นสีแดง มีความกว้าง 4 เมตร ยาว 85 เมตร คำขออื่นให้ยก
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว(อันดับ 146)
จำเลยทั้งสามจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 149)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าข้อความที่จำเลยทั้งสามกล่าวอ้างในฎีกา จำเลยทั้งสามกล่าวอ้างเพียงว่าโจทก์สามารถเดินผ่านที่ดินของจำเลยและของบุคคลอื่นไปยังทางสาธารณประโยชน์ได้โจทก์จึงไม่มีสิทธิทำทางหรือถนนในที่ดินของจำเลยเท่านั้นฎีกาของจำเลยทั้งสามมิได้ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่เป็น สาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรกศาลชั้นต้นสั่งไม่รับชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ