แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วเห็นว่าฐานะครอบครัวของผู้ขอมิได้ยากจนจริง และมีเงินพอเสียค่าธรรมเนียมศาล ได้ จึงให้ยกคำร้องของ ผู้ขอเสีย และให้ผู้ขอนำเงินค่าธรรมเนียม มาชำระภายใน 15 วันนับแต่วันนี้ มิฉะนั้นจะถือว่าทิ้งฎีกา
จำเลยที่ 1 เห็นว่า ที่นาของจำเลยที่ 1 จำนวน 30 ไร่ที่อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง นั้น จำเลยที่ 1 ได้นำไปจำนองถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกจำนวนเงิน 100,000 บาท ครั้งที่สองจำนวนเงิน 300,000 บาท เพื่อนำเงินมาชำระเป็น ค่าจ้างในการจ้างผู้อื่นทำนา ค่าปุ๋ย และใช้หนี้เงินยืม ซึ่งจำเลยที่ 1ได้ยืมมาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีนี้ แม้สามีของจำเลยที่ 1 จะรับราชการได้รับเงินเดือน ๆ ละ 9,600 บาท แต่ก็ต้องชำระหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัด เดือนละ 2,000 บาท และจะต้องเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงชีพประจำวันอีกส่วนหนึ่ง จำเลยที่ 1 จึงเป็นคนยากจนไม่มีเงินพอ ที่จะชำระค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาได้ โปรดมีคำสั่งให้ จำเลยที่ 1ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาด้วย
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 196)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันรับผิดชดใช้เงินตามเช็คทั้ง 5 ฉบับตามฟ้อง เป็นจำนวนเงิน2,900,000 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ19.5 ต่อปีของต้นเงินตามเช็คแต่ละฉบับ นับตั้งแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยที่ 1 ฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 179,177,193)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 194)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นสมควรอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ได้รับยกเว้นให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาได้กึ่งหนึ่ง หากจำเลยที่ 1 ประสงค์จะฎีกาให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลชั้นต้นภายใน 15 วัน นับแต่วันฟังคำสั่งนี้
