แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบมาตรา 247 ภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดศาลฎีกามีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชำระค่าเสียหายเป็นเงิน27,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้วจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์จำเลยพิพาทไม่เกิน 200,000 บาท ห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแต่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 มีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกาว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ขอให้มีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ให้จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง และเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์มาวางภายในกำหนด 15 วันต่อมาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2536 ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลานำเงินมาวางศาลออกไปอีก 15 วัน ศาลชั้นต้นอนุญาต แต่ปรากฎว่าจำเลยไม่ได้นำเงินมาชำระภายในระยะเวลาที่กำหนด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าส่งศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่ง
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “จำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234ประกอบด้วยมาตรา 247 ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย”