แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จึงไม่รับโจทก์เห็นว่า ฎีกาโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาโดยมิได้ฟังพยานหลักฐานตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขคดีแดงที่ 82/2530 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยทั้งสี่ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264,265,268,269,83 และ 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 74)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 76)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงโดยศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ปลอมสัญญาเช่า และจำเลยที่ 2 ที่ 3ที่ 4 ร่วมกันใช้เอกสารปลอมตามฟ้อง โจทก์ฎีกาว่า ตามพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 1 กับพวกปลอมสัญญาเช่า จำเลยที่ 2 ที่ 3ที่ 4 เป็นตัวการในการนำสัญญาเช่าปลอมมาใช้ เช่นนี้ ฎีกาของโจทก์ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง