คำสั่งคำร้องที่ 930/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกา จึงไม่รับ
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341หรือว่าเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 105)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 107)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลล่างทั้งสองฟังว่า โจทก์ยอมให้จำเลยขนถุงเท้าที่จำเลยขายให้โจทก์กลับไปไว้ยังโรงงานของจำเลยโดยจำเลยยังมิได้คืนเช็คที่โจทก์สั่งจ่ายลงวันที่ล่วงหน้าชำระราคาถุงเท้าให้แก่โจทก์ เป็นการกระทำโดยเชื่อใจกันในทางการค้าที่โจทก์จำเลยเคยติดต่อค้าขายกันมา และเป็นการผ่อนผันมิให้จำเลยเร่งรัดหนี้สินเอาแก่โจทก์ จึงเป็นเรื่องที่จะต้องไปว่ากล่าวกันในทางแพ่ง การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง การที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยขอรับสินค้าคืนไป โดยหลอกลวงว่าจะคืนเช็คให้แก่โจทก์ แต่หาได้คืนเช็คให้ไม่การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงนั้น เป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยมา จึงเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share