แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกา จึงไม่รับฎีกา จำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองเห็นว่า จำเลยทั้งสองได้ฎีกาว่า โจทก์มิได้แสดงให้ชัดเจนว่าคนขับรถของจำเลยที่ 2 ชื่ออะไรกระทำการในทางการที่จ้างอย่างไร ฟ้องโจทก์จึงเคลือบคลุมอันเป็นปัญหาข้อกฎหมายประกอบกับทุนทรัพย์ที่พิพาทคดีนี้เมื่อเริ่มฟ้องมีจำนวนถึง 500,000 บาท ฎีกาของจำเลยทั้งสอง จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไปด้วย หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 120) ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน ให้แก่โจทก์จำนวน 180,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้อง (31 ตุลาคม 2532)เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกเสีย ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินแก่โจทก์ จำนวน 40,000 บาท นอกจาก ที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 108) จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 112)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้แม้เริ่มต้นฟ้องคดีจะมีทุนทรัพย์500,000 บาทก็ตาม แต่เมื่อในชั้นฎีกามีทุนทรัพย์ไม่เกิน200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกส่วนที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้นก็ปรากฏว่าเป็นข้อกฎหมายที่มิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย ทั้งสองชอบแล้วให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ