คำสั่งคำร้องที่ 880/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีมีทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทตามฎีกาของจำเลยในข้อที่ 2 เป็น การฎีกาในข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่ไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยข้อ 2 ที่ว่า คำพิพากษา ของศาลอุทธรณ์ขัดแย้งและไม่ชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 11 มาตรา 600 และมาตรา 598 นั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย และคดีนี้มีทุนทรัพย์ขณะยื่นคำร้อง 100,000 บาท และ โจทก์ยื่นคำฟ้องก่อนที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2534ใช้บังคับ พระราชบัญญัติฉบับนี้จึงไม่มีผลย้อนหลังไปบังคับคดีที่ได้ยื่นฟ้องไว้ก่อนแล้วจำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 85)
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 80 แผ่นที่ 4)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 81)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่าความชำรุดเสียหายที่เกิดขึ้นในตัวอาคารที่จำเลยก่อสร้างเกิดจากความบกพร่องของจำเลยที่ทำการก่อสร้างไม่เรียบร้อยใช้วัสดุไม่ดี หรือทำไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการจำเลยต้องรับผิดตามสัญญา คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์มิได้ขัดต่อกฎหมายดังที่จำเลยอ้างแต่อย่างใดฎีกาของจำเลยล้วนแต่ โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงหาใช่ข้อกฎหมายไม่ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่ ที่จำเลยอ้างว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อปี พ.ศ. 2532ก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248ที่แก้ไขใหม่ จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงเพราะบทกฎหมายที่แก้ไขใหม่ดังกล่าวไม่มีผลย้อนหลังไปบังคับใช้นั้น เห็นว่าการพิจารณาว่าคดีต้องห้ามฎีกาหรือไม่ต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่จำเลยยื่นฎีกา ซึ่งขณะที่จำเลยยื่นฎีกาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่ใช้บังคับแล้ว ดังนี้ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share